นายอาคม เติมพิทยาไพสิฐ รมว.คลัง กล่าวว่า ทิศทางเศรษฐกิจในปี 2564 ยังต้องพึ่งพากำลังซื้อของประชาชน 52% ของจีดีพี และการลงทุนอีก 20% ของจีดีพี ขณะที่การลงทุนของภาครัฐต้องเป็นตัวขับเคลื่อน ไม่ให้สะดุด อาทิ การลงทุนรถไฟฟ้า สนามบิน และท่าเรือต่าง ๆ ส่วนการแข็งค่าของเงินบาท ขอไม่ให้ความเห็น เพราะเป็นหน้าที่ของธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) แต่นโยบายการเงินและการคลังจะต้องทำงานใกล้ชิด สอดประสานกันด้วย
ทั้งนี้ มาตรการในการดูแลเศรษฐกิจจะยังเป็นมาตรการชุดเดิม โดยเน้นกระตุ้นให้คนใช้จ่าย ผ่านโครงการคนละครึ่ง และช้อปดีมีคืน รวมถึงมาตรการเราเที่ยวด้วยกัน ซึ่งขณะนี้ได้มีการปรับเงื่อนไข โดยการเพิ่มเที่ยวบินเพื่อรองรับการเดินทางท่องเที่ยวในหลายจังหวัด โดยเรื่องนี้เป็นสิ่งที่ต้องช่วยกันทั้งประเทศ เพื่อให้เศรษฐกิจกลับเข้าสู่ภาวะปกติโดยเร็ว
กระทรวงคลังยังไม่มีมาตรการแจกเงินเยียวยา 5 พันบาท ให้กับประชาชน แม้ว่าสถานการณ์โควิด-19 จะต้องกลับมาเฝ้าระวังอีกครั้ง โดยมาตรการด้านการคลังหลังจากนี้จะเน้นการฟื้นฟูเศรษฐกิจไม่ใช่การเยียวยาเหมือนที่ผ่านมา
“อย่าเพิ่งคิดเรื่องมาตรการแจกเงิน เพราะตอนนี้เศรษฐกิจอยู่ในโหมดฟื้นตัว เป้าหมายตอนนี้คือต้องฟื้นฟู ส่วนเงินที่จะดูแลก็ให้มั่นใจได้ว่ายังมีอยู่จากพ.ร.ก. กู้เงิน 1 ล้านล้านบาท และปี 2564 ไทยก็พร้อมที่จะเปิดประเทศ แต่ก็ต้องดูว่าต่างประเทศที่จะมามีความพร้อมแล้วหรือยัง และไทยเองก็ต้องมีระบบการตรวจสอบที่เข้มข้นด้วย”
นายอาคม กล่าว
สำหร้บผลกระทบของการท่องเที่ยวที่ จ.เชียงใหม่และ จ. เชียงราย หลังจากพบว่ามีผู้ติดเชื้อโควิด-19 ในส่วนของคลังนั้นยังไม่มีความจำเป็นต้องออกมาตรการพิเศษเพื่อกระตุ้นท่องเที่ยวในพื้นที่ดังกล่าว เพราะสถานการณ์ยังเป็นปกติดี
นายอาคม กล่าวอีกว่ากระทรวงคลังและกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา ตั้งเป้าหมายให้ให้การท่องเที่ยวในประเทศปี 2564 จากมาตรการของรัฐที่ออกมาเพิ่มขึ้นอีก 3% รวมเป็น 6% หรือคิดเป็นจำนวนนักท่องเที่ยว 1 ใน 5 หรือประมาณ 8 ล้านคน ของนักท่องเที่ยวทั้งหมดในสถานการณ์ปกติที่ 40 ล้านคน
โดย สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (11 ธ.ค. 63)
Tags: กระตุ้นเศรษฐกิจ, กระทรวงการคลัง, อาคม เติมพิทยาไพสิฐ, เศรษฐกิจไทย