นายเสริมศักดิ์ วงศ์สิทธิโชค ผู้อำนวยการ ฝ่ายค้าตราสารการเงิน บล.บัวหลวง (BLS) เปิดเผยว่า ตลาดหุ้นไทยตลอดเดือน ธ.ค.63 มีแนวโน้มผันผวน เพราะในช่วงเดือนพ.ย.ที่ผ่านมา ดัชนีปรับตัวขึ้นแรงเกือบ 18% ทำให้ค่า P/E Ratio อยู่ในระดับค่อนข้างสูง แต่ด้วยสภาพคล่องที่สูง และอัตราดอกเบี้ยที่ต่ำ ทำให้ธนาคารกลางประเทศต่าง ๆ อัดฉีดเม็ดเงินเข้าสู่ระบบต่อเนื่อง เพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจ ฉะนั้นหุ้นยังคงเป็นสินทรัพย์ที่น่าสนใจ
ช่วงที่เหลือของปีนี้ตลาดหุ้นไทยมีโอกาสปรับตัวขึ้น หลังผลตอบแทนปีนี้ยังตามหลังตลาดอื่น ๆ (Laggard) แต่หากมีปัจจัยที่ผิดไปจากที่ตลาดคาดหวัง เช่น วัคซีนต้านโควิด-19 ผลิตออกมาล่าช้า เป็นต้น ดัชนีอาจปรับตัวลดลงเฉลี่ย 3-5% ในวันเดียว ขณะเดียวกันก็อาจเห็นแรงซื้อดีดกลับได้เช่นกัน
ปัจจุบันถือเป็นจังหวะที่ดีในการเข้าลงทุนในกองทุนรวมเพื่อการออม (SSF) และกองทุนรวมเพื่อการเลี้ยงชีพ (RMF) คุณภาพดีที่มีผลการดำเนินงานดีสม่ำเสมอ เพื่อนำไปลดหย่อนภาษีปี 63 ซึ่งเหลือเวลาลงทุนอีกไม่ถึงเดือน โดยทีม BLS Mutual Funds ได้มีการอัปเดตข้อมูลกองทุนต่าง ๆ กับผู้จัดการกองทุนเป็นประจำทุกเดือน เพื่อประเมินจุดเด่น และจุดเสี่ยง พร้อมประมาณการผลตอบแทนของแต่ละกองทุน เมื่อเทียบกับเกณฑ์มาตรฐาน (Benchmark) โดยจะนำข้อมูลต่าง ๆ มาจัดทำ BLS Top Funds เป็นประจำทุกสัปดาห์ให้กับลูกค้าของเรา ขณะเดียวกันยังนำข้อมูลมาแชร์ในรายการ BLS Top Funds ผ่านทาง Live FB Bualuang Securities ที่จัดขึ้นในวันพฤหัสบดี สัปดาห์ที่ 4 ของทุกเดือน ร่วมกับผู้จัดการกองทุนต่าง ๆ เพื่อให้ข้อมูลประกอบการตัดสินใจในการลงทุนกับนักลงทุนทั่วไป
“หลักทรัพย์บัวหลวง มีหลักเกณฑ์ในการคัดเลือกกองทุนอย่างมืออาชีพ ไม่เลือกค่าย เน้นกองทุนที่มีคุณภาพ โดดเด่นทั้งทางด้านผลตอบแทนและความเสี่ยง จากหลากหลายบลจ.ชั้นนำทั่วประเทศ ปัจจุบันเราเป็นตัวแทนจำหน่ายกองทุนทั้งหมด 19 บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุนชั้นนำของไทย (บลจ.) และมีกองทุนให้เลือกลงทุนมากกว่า 2,000 กองทุน” นายเสริมศักดิ์ กล่าว
ผู้เชี่ยวชาญด้านกองทุนรวม กล่าวต่อว่า กองทุน SSF ที่มีผลตอบแทนดีในระยะยาวที่เราคัดเลือกจาก BLS Top Funds มาแนะนำนักลงทุนมีด้วยกัน 2 กลุ่ม คือ 1.กองทุนประเภทความเสี่ยงต่ำถึงปานกลาง และ 2.กองทุนประเภทความเสี่ยงสูง ที่เน้นลงทุนในกองทุนผสม และกองทุนตราสารหนี้ที่มีระดับความเสี่ยงต่ำ เหมาะกับผู้ลงทุนอายุน้อยที่ไม่ต้องการถือครองจนถึงอายุ 55 ปี โดยกองทุนประเภทความเสี่ยงต่ำถึงปานกลาง เราแนะนำกองทุนเปิดบีแคป โกลบอล เวลท์ 25 เพื่อการออม (BCAP-GW25 SSF) ซึ่งเป็นกองทุนผสมที่ลงทุนสินทรัพย์หลากหลายทั่วโลก โดยจะลงทุนตราสารทุนและสินทรัพย์เสี่ยงไม่เกิน 25% ส่วนกองทุนประเภทความเสี่ยงสูง แนะนำให้ลงทุนในกองทุนที่เน้นลงทุนหุ้นทั่วโลกที่มีอัตราการเติบโตโดดเด่นในระยะยาว
ส่วนคำแนะนำการลงทุนใน “กองทุน RMF” ให้เน้นลงทุนในกองทุนประเภทความเสี่ยงต่ำถึงปานกลาง และกองทุนประเภทความเสี่ยงสูงที่เหมาะสำหรับคนชอบออมระยะยาวเพื่อการเกษียณ และคนอายุตั้งแต่ 45 ปีขึ้นไป เช่น กองทุนเปิด บีแคป โกลบอล ทาร์เก็ต เดท 2030 เพื่อการเลี้ยงชีพ (BCAP-2030 RMF) ที่มีการปรับสมดุลพอร์ตการลงทุนอัตโนมัติตามอายุที่เพิ่มขึ้น และผู้จัดการกองทุนจะมีการบริหารพอร์ตตามอายุเกษียณ เมื่อเข้าใกล้วัยเกษียณจะลดสินทรัพย์เสี่ยงลง เพื่อเข้าสู่สินทรัพย์ปลอดภัย ซึ่งในต่างประเทศได้รับความนิยมมาก เหมาะกับคนชอบความเสี่ยงต่ำถึงปานกลาง ส่วนคนชอบความเสี่ยงสูง แนะนำกองทุนที่เลือกลงทุนในหุ้นที่มีคุณภาพและเติบโตสูง
สำหรับเงื่อนไขการลงทุนใน “กองทุน SSF” คือ 1.ลงทุนในหลักทรัพย์ทุกประเภท โดยต้องถือ 10 ปีวันชนวันถึงสามารถขายคืนได้ 2.ไม่กำหนดขั้นต่ำในการลงทุน ไม่จำเป็นต้องซื้อต่อเนื่องทุกปี ซื้อปีไหนลดหย่อนปีนั้น 3.ลงทุนได้สูงสุดไม่เกิน 30% ของเงินได้ทั้งปี แต่ไม่เกิน 200,000 บาท และเมื่อรวมกับ RMF, กองทุนสำรองเลี้ยงชีพ (PVD), กบข. เป็นต้น ต้องไม่เกิน 500,000 บาท ส่วนเงื่อนไขการลงทุนใน “กองทุน RMF” คือ ลงทุนได้สูงสุดไม่เกิน 30% ของเงินได้ทั้งปี แต่ไม่เกิน 500,000 บาท และเมื่อรวมกับ SSF, กองทุนสำรองเลี้ยงชีพ (PVD), กบข. เป็นต้น ต้องไม่เกิน 500,000 บาท และไม่มีขั้นต่ำในการลงทุน, ลงทุนต่อเนื่องทุกปี เว้นได้ไม่เกิน 1 ปี โดยต้องถือมากกว่า 5 ปี นับวันชนวัน และถือจนถึงอายุ 55 ปีบริบูรณ์เหมือนเดิม
Tags: ตลาดหุ้น, บัวหลวง, หุ้นไทย, เสริมศักดิ์ วงศ์สิทธิโชค