นางพวรรณ์ นววัฒนทรัพย์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท วายแอลจี บูลเลี่ยน อินเตอร์เนชั่นแนล จำกัด (YLG) เปิดเผยถึงสถานการณ์ราคาทองคำที่ปรับตัวเพิ่มขึ้นสูงสุดในรอบ 7 ปีว่า ภาพรวมในปีนี้ราคาทองคำยังคงเคลื่อนไหวในทิศทางขาขึ้น หลังจากผ่านบริเวณ 1,616 ดอลลาร์ต่อออนซ์ซึ่งเป็นระดับสูงสุดของราคาทองคำในเดือน มี.ค. ปี 2556
และเป็นกรอบแนวต้านแรกของปีนี้ที่ YLG เคยประเมินไว้ ทำให้ราคามีแนวโน้มปรับตัวขึ้นต่อโดยจะมีโอกาสที่ราคาทองคำจะปรับตัวสูงขึ้นสู่ระดับ 1,700 ดอลลาร์ต่อออนซ์ หากผ่านได้จะมีแนวต้านถัดไปอยู่ในโซน 1,800 ดอลลาร์ต่อออนซ์ ซึ่งเป็นโซนระดับสูงสุด ของราคา ช่วงเดือน ก.พ., ก.ย. และ ต.ค. ปี 2555 และเป็นจุดที่ราคาทดสอบหลายครั้งแต่ก็ไม่สามารถผ่านได้
- โบรกฯ ให้เป้าราคาทองปีนี้ 1,650-1,777 เหรียญฯ หลังทำนิวไฮ 7 ปี
- ซิตี้กรุ๊ปคาดราคาทองพุ่งเหนือ 2,000 ดอลลาร์ในช่วง 24 เดือนข้างหน้า
ส่วนราคาทองคำในประเทศ คาดว่าจะยังคงได้รับแรงหนุนเพิ่มเติมจากการอ่อนค่าของค่าเงินบาท เนื่องจากปัญหาภัยแล้งที่กระทบต่อกำลังซื้อของเกษตรกร การระบาดของไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่ (ไวรัสโควิด-19) ที่กระทบต่อภาคท่องเที่ยวหลังจากจำนวนนักท่องเที่ยวจีนหายไป
ซึ่งส่งผลให้ GDP ลดลงอย่างมีนัยสำคัญ การชะลอตัวทางเศรษฐกิจจะเพิ่มโอกาสที่ธนาคารแห่งประเทศไทยจะมีการปรับลดอัตราดอกเบี้ยนโยบายลงเพิ่มเติมอีก ซึ่งจะยิ่งเป็นปัจจัยกดดันให้ค่าเงินบาทเคลื่อนไหวในกรอบของการอ่อนค่า จึงเพิ่มโอกาสที่ราคาทองคำในประเทศจะแตะระดับ 25,500-27,000 บาทต่อบาททองคำภายในปีนี้
“ปีนี้เป็นปีที่ราคาทองคำทะยานขึ้นนับตั้งแต่ต้นปี โดยราคาทองคำในตลาดโลก หรือ Gold Spot ปรับตัวสูงขึ้น 118 ดอลลาร์ต่อออนซ์ หรือเพิ่มขึ้น 7.78% จากราคาเปิด 1,517 สู่ดอลลาร์ต่อออนซ์ สู่ระดับ 1,635 ดอลลาร์ต่อออนซ์ซึ่งเป็นระดับสูงสุดในรอบ 7 ปี”
โดยทองคำได้รับปัจจัยบวกหลายเรื่องในปีนี้ ได้แก่ สถานการณ์ความตึงเครียดระหว่างสหรัฐและอิหร่านในช่วงต้นปี ล่าสุดเกิดการระบาดของไวรัสโควิด-19 ซึ่งจะกระทบต่อการเติบโตทางเศรษฐกิจทั่วโลก กระตุ้นการคาดการณ์เฟดลดดอกเบี้ยปีนี้ ส่วนตลาดบอนด์กลับมาเกิดภาวะ inverted yield curve ระหว่างบอนด์ยีลด์สหรัฐอายุ 3 เดือน และอายุ 10 ปี ซึ่งยิ่งสร้างความวิตกว่าเศรษฐกิจสหรัฐอาจเผชิญภาวะถดถอย (Recession) ในอนาคต
ทั้งนี้ไม่เพียงแต่ราคาทองคำในตลาดโลกที่พุ่งขึ้น แต่ราคาทองคำในประเทศได้รับแรงหนุนเพิ่มเติมจากการอ่อนค่าของค่าเงินบาท โดยค่าเงินบาทอ่อนค่าลงเนื่องจาก กนง. ลดดอกเบี้ย 0.25% สู่ระดับ 1.00% ซึ่งเป็นระดับต่ำสุดเป็นประวัติการณ์หลังเศรษฐกิจไทยเผชิญความเสี่ยงรอบด้าน จึงมีแนวโน้มปรับลดดอกเบี้ยอีกในอนาคต
จากการอ่อนค่าของค่าเงินบาทจึงทำให้ราคาทองคำในประเทศปรับตัวสูงขึ้น 2,800 บาทต่อบาททองคำ หรือ +12.93% จากราคาเปิดที่ 21,650 บาทต่อบาททองคำ สู่ระดับ 24,450 บาทต่อบาททองคำ ซึ่งเป็นระดับสูงสุดนับตั้งแต่วันที่ 2 ม.ค.ปี 2556 หรือสูงสุดในรอบกว่า 7 ปี (อัพเดทราคา ณ วันที่ 21 ก.พ. 63 เวลา 14.43 น.)
สำหรับกลยุทธ์การลงทุนในปี 2563 สามารถหาจังหวะเข้าซื้อใกล้บริเวณแนวรับ 1,545 ดอลลาร์ต่อออนซ์ หรือ 23,100 บาทต่อบาททองคำ และทยอยแบ่งพอร์ตเพื่อขายทำกำไรเป็นระยะ โดยขายทำกำไรบริเวณแนวต้าน 1,700-1,800 ดอลลาร์ต่อออนซ์ หรือ 25,500-27,000 บาทต่อบาททองคำ
อย่างไรก็ดี หากหลุดแนวรับ 1,545 ดอลลาร์ต่อออนซ์ควรตัดขาดทุบางส่วน แล้วถอยจุดซื้อไปยังแนวรับถัดไปบริเวณ 1,445 ดอลลาร์ต่อออนซ์ หรือ 21,600 บาทต่อบาททองคำ
โดย สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (21 ก.พ. 63)
Tags: ค่าเงินบาท, ทองคำ, ราคาทองคำ, วายแอลจี