เงินบาทเปิด 30.03 ต่อดอลล์ แข็งค่ากว่าภูมิภาคจากเงินไหลเข้า

นักบริหารเงินจากธนาคารกรุงศรีอยุธยา เปิดเผยว่า เงินบาทเปิดตลาดเช้านี้อยู่ที่ 30.03 บาท/ดอลลาร์ แข็งค่าจากปิดตลาดเย็นวานนี้ที่ระดับ 30.09 บาท/ดอลลาร์ เนื่องจากมีเงินทุนต่างประเทศไหลเข้า และผู้ส่งออกทองคำหลังราคาปรับตัวสูงขึ้นเป็นปัจจัยหนุนให้บาทแข็งค่านำภูมิภาค

“เปิดตลาดเช้านี้บาทแข็งค่าสุดในรอบปี เนื่องจากมี fund flow ไหลเข้ามาลงทุนในตลาดหุ้น” นักบริหารเงิน กล่าว

ปัจจัยที่ตลาดจับตาดูเป็นเรื่องความคืบหน้าการเจรจา Brexit ในช่วงโค้งสุดท้าย และความคืบหน้าการพัฒนาวัคซีนป้องกันโควิด-19 ส่วนปัจจัยในประเทศเป็นเรื่องทิศทางของเงินทุนต่างประเทศ และสถานการณ์ทางการเมือง

นักบริหารเงิน ประเมินกรอบการเคลื่อนไหวของเงินบาทในวันนี้ไว้ระหว่าง 30.00-30.10 บาท/ดอลลาร์

THAI BAHT FIX 3M (8 ธ.ค.) อยู่ที่ระดับ 0.15235% ส่วน THAI BAHT FIX 6M อยู่ที่ระดับ 0.17356%

ปัจจัยสำคัญ

  • เงินเยนอยู่ที่ระดับ 104.12 เยน/ดอลลาร์ จากเย็นวันศุกร์ที่ระดับ 103.98 เยน/ดอลลาร์
  • เงินยูโรอยู่ที่ระดับ 1.2111 ดอลลาร์/ยูโร จากเย็นวันศุกร์ที่ระดับ 1.2129 ดอลลาร์/ยูโร
  • อัตราแลกเปลี่ยนเงินบาท/ดอลลาร์ ถัวเฉลี่ยถ่วงน้ำหนักระหว่างธนาคารของธปท.อยู่ที่ระดับ 30.129 บาท/ดอลลาร์
  • ศูนย์วิจัยกสิกรไทย จำกัด เปิดเผยว่า เศรษฐกิจไทย ปี 2564 จะเป็นการฟื้นตัวบนความไม่แน่นอน โดยเศรษฐกิจไทยมีแนวโน้มเติบโต 2.6% จากปี 2563 คาดว่าเศรษฐกิจจะติดลบ แต่ลดลงจากคาดการณ์ไว้ลบ 10% เหลือลบ 6.7% ปัจจัยจากแรงหนุนการใช้จ่ายของภาครัฐเพื่อกระตุ้นการบริโภคและการลงทุน เช่น โครงการคนละครึ่ง โครงการเราเที่ยวด้วยกัน
  • ทีดีอาร์ไอ ประเมินเศรษฐกิจไทยเติบโตอย่างช้าๆ ห่วงปัจจัยเสี่ยง ส่งออกไปจีน นักท่องเที่ยวลดฮวบ หนี้ครัวเรือนแตะ 86% ลามภาคอสังหาฯ คาดผลจากพิษโควิด กระทบกำลังซื้อที่อยู่อาศัยลดวูบ 9 แสนล้านบาท คาดปี 2565 ปริมาณการซื้อจะใกล้เคียงกับปี 62 ที่ 3.92 แสนหน่วย ด้าน ดีดี พร็อพเพอร์ตี้ฯ ลุ้นดีมานด์ใหม่ฟื้น หวั่นซัปพลายล้นตลาด อัตราดูดซับช้า
  • กรมการค้าต่างประเทศเผยสถิติการค้าชายแดนและผ่านแดนช่วง 10 เดือนปี 63 มีมูลค่า 1,081,572 ล้านบาท ลดลง 4.11% เหตุได้รับผลกระทบจากโควิด-19 ทำให้มีการปิดด่านการค้า ล่าสุดเปิดด่านเพื่อการขนส่งสินค้าเพียง 37 แห่ง จาก 97 แห่งทั่วประเทศ ระบุการค้าชายแดนลดลงทุกประเทศ แต่เมียนมาลดสูงสุด 14.85% ส่วนผ่านแดน จีน สิงคโปร์ ยังโต เวียดนามลด
  • ผู้ว่าการการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) เปิดเผยสถานการณ์ท่องเที่ยวช่วงวันหยุดยาว ระหว่างวันที่ 10-13 ธ.ค. 63 ว่า ในช่วงวันหยุดยาวส่งท้ายปีครั้งนี้ บรรยากาศการเดินทางท่องเที่ยวของคนไทยยังคงมีอย่างต่อเนื่อง เนื่องจากเข้าสู่ฤดูท่องเที่ยวในหลายพื้นที่ และสภาพอากาศที่เริ่มหนาวเย็นเหมาะแก่การเดินทางท่องเที่ยว ทำให้คาดว่าจะมีการเดินทางท่องเที่ยวภายในประเทศประมาณ 3.11 ล้านคน-ครั้ง ชะลอตัวลงเล็กน้อยจากช่วงวันหยุดพิเศษเดือนที่ผ่านมา และมีการใช้จ่ายสร้างรายได้หมุนเวียนมากกว่า 12,600 ล้านบาท โดยมีโครงการเราเที่ยวด้วยกัน และคนละครึ่ง ที่มาช่วยกระตุ้นให้เกิดการใช้จ่ายในพื้นที่ท่องเที่ยว ซึ่งจากการสำรวจอัตราการเข้าพักพบว่ามีเฉลี่ย 40%
  • ครม.ปล่อยผีนักท่องเที่ยว STV รับทุกชาติ แต่ต้องกักตัว 14 วัน หลังพบให้เข้าเฉพาะประเทศเสี่ยงต่ำ กระตุ้นไม่พอ นักท่องเที่ยวมาแค่ 825 คน ด้าน ททท.เผยหยุดยาว 4 วัน (10-13 ธ.ค.) คนไทยเที่ยวกันเอง 3.11 ล้านคน-ครั้ง เงินสะพัด 12,600 ล้านบาท พบ “คนละครึ่ง” มีผลต่อการใช้จ่ายในการท่องเที่ยว 88.57%
  • อธิบดีกรมสรรพสามิต เปิดเผยว่า กรมได้ประชุมคณะกรรมการดูแลการเกิดรถยนต์ไฟฟ้า (อีวี) ร่วมกับผู้ประกอบการรถยนต์ทุกค่ายเพื่อหารือถึงการปฏิรูปโครงสร้างภาษีรถยนต์เพื่อรองรับรถยนต์อีวี เพื่อส่งเสริมให้เกิดรถอีวีในไทยเพิ่มมากขึ้น สำหรับกรอบในการหารือจะมีทั้งการพิจารณาปรับอัตราภาษีการจัดตั้งกองทุนแบตเตอรี่รถยนต์อีวี ที่จะเชื่อมโยงกับการกำจัดแบตเตอรี่ และการควบคุมแบตเตอรี่ให้ถูกวิธี จะต้องมีรูปแบบที่ชัดเจน หากได้ข้อสรุปแล้ว กรมจะเสนอ รมว.คลัง เพื่อจัดทำเป็นนโยบายไปเสนอนายกรัฐมนตรี และ
    ครม.ต่อไป
  • เงินปอนด์อ่อนค่าลงเมื่อเทียบกับดอลลาร์สหรัฐ ในการซื้อขายที่ตลาดปริวรรตเงินตรานิวยอร์กเมื่อคืนนี้ (8 ธ.ค.) เนื่องจากนักลงทุนกังวลว่า อังกฤษอาจจะเผชิญกับการแยกตัวออกจากสหภาพยุโรปโดยไม่มีการทำข้อตกลง (no-deal Brexit) หลังจากการเจรจาระหว่างอังกฤษและสหภาพยุโรป (EU) ยังคงไม่มีความคืบหน้า
  • สัญญาทองคำตลาดนิวยอร์กปิดบวกเมื่อคืนนี้ (8 ธ.ค.) โดยได้แรงหนุนจากความหวังที่ว่า สหรัฐจะเร่งออกมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจเพื่อเยียวยาผลกระทบจากโควิด-19 นอกจากนี้ การปรับตัวลงของอัตราผลตอบแทนพันธบัตรสหรัฐยังเป็นปัจจัยดึงดูดแรงซื้อทองคำ
  • นักลงทุนจับตาความคืบหน้าในการออกมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจสหรัฐ โดยสภาผู้แทนราษฎรจะลงมติต่อร่างกฎหมายงบประมาณชั่วคราวเพื่อหลีกเลี่ยงการปิดหน่วยงานของรัฐบาล (ชัตดาวน์) เป็นเวลา 1 สัปดาห์ในวันนี้ และเพื่อให้เวลาแก่สมาชิกสภาผู้แทนราษฎรมากขึ้นในการเจรจาข้อตกลงในการออกมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจวงเงิน 9.08 แสนล้านดอลลาร์เพื่อเยียวยาผลกระทบจากการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19
  • นักลงทุนจับตาข้อมูลเศรษฐกิจของสหรัฐในสัปดาห์นี้ ซึ่งได้แก่ สต็อกสินค้าคงคลังภาคค้าส่งเดือนต.ค., ตัวเลขการเปิดรับสมัครงานและอัตราการหมุนเวียนของแรงงาน (JOLTS) เดือนต.ค., จำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานรายสัปดาห์, อัตราเงินเฟ้อเดือน พ.ย., ดัชนีราคาผู้ผลิต (PPI) เดือนพ.ย. และดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคเดือนธ.ค.จากมหาวิทยาลัยมิชิแกน

โดย สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (09 ธ.ค. 63)

Tags: , ,
Back to Top