นายอนุชา บูรพชัยศรี โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวภายหลังการประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) ว่า ที่ประชุมครม.เห็นชอบโครงการคนละครึ่งเฟส 2 ตามที่ศูนย์บริการสถานการณ์เศรษฐกิจจากผลกระทบของการระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรน่า 2019 (ศบศ.) เห็นชอบ ผู้ได้รับสิทธิ 15 ล้านคน ประกอบด้วย คนที่ได้สิทธิเฟสแรก 10 ล้านคน และผู้เข้าร่วมโครงการใหม่อีก 5 ล้านคน โดย10 ล้านคน จะได้รับเงินเพิ่มอีก 500 บาท เป็น 3,500 บาท และสามารถใช้สิทธิได้ถึงวันที่ 31 มี.ค.64 ส่วนผู้ที่ลงทะเบียนใหม่ 5 ล้านคน คาดว่าจะเริ่มลงทะเบียนได้ 16 ธ.ค. เวลา 06.00 น. เป็นต้นไป
อย่างไรก็ตาม ผู้ที่เข้าร่วมมาตรการช้อปดีมีคืนและผู้ถือบัตรสวัสดิการแห่งรัฐจะไม่สามารถเข้าร่วมโครงการคนละครึ่ง เฟส 2 ได้
สำหรับโครงการคนละครึ่งทั้ง 2 เฟส คาดว่าจะมีส่วนช่วยหนุนให้เศรษฐกิจไทยขยายตัวเพิ่มอีก 0.32% จากเม็ดเงินหนุนเวียนในระบบราว 105,000 ล้านบาท
นายอาคม เติมพิทยาไพสิฐ รมว.คลัง กล่าวว่า โครงการคนละครึ่ง ระยะที่ 2 มีวัตถุประสงค์เพื่อฟื้นฟูเศรษฐกิจระดับฐานรากให้เป็นไปอย่างต่อเนื่องตลอดช่วงไตรมาสที่ 1/64 ผ่านการบริโภคจับจ่ายใช้สอยของประชาชน โดยภาครัฐจะร่วมจ่ายค่าอาหาร เครื่องดื่ม และสินค้าทั่วไป 50% แต่ไม่เกิน 150 บาท/คน/วัน เช่นเดียวกับโครงการคนละครึ่งในปัจจุบัน
โครงการคนละครึ่ง ระยะที่ 2 นี้ แบ่งกลุ่มผู้ใช้สิทธิเป็น 2 กลุ่ม ประกอบด้วย (1) ผู้ได้รับสิทธิเดิม ไม่เกิน 10 ล้านคน จะได้รับสิทธิวงเงินสนับสนุนจากรัฐเพิ่มเติมคนละ 500 บาท ในวันที่ 1 ม.ค.64 ซึ่งเมื่อรวมกับวงเงินตามสิทธิที่มีอยู่เดิม 3,000 บาท เท่ากับจะมีวงเงินรวม 3,500 บาท สามารถใช้จ่ายได้ถึงวันที่ 31 มี.ค. 64 และ (2) ผู้ลงทะเบียนใหม่ไม่เกิน 5 ล้านคน จะได้รับสิทธิวงเงินสนับสนุนจากรัฐคนละ 3,500 บาท สำหรับใช้จ่ายตั้งแต่วันที่ 1 ม.ค.-31 มี.ค.64
โครงการคนละครึ่ง ระยะที่ 2 จะมีการเพิ่มปุ่มในแอปพลิเคชัน “เป๋าตัง” ให้ผู้ที่มีสิทธิในโครงการคนละครึ่งกลุ่มเดิมกดยืนยันการเข้าร่วมโครงการคนละครึ่ง ระยะที่ 2 และสำหรับกลุ่มผู้ลงทะเบียนใหม่ 5 ล้านคน กระทรวงการคลังจะเปิดให้ลงทะเบียนด้วยวิธีการเดิม ผ่านเว็บไซต์ www.คนละครึ่ง.com ตั้งแต่วันที่ 16 ธ.ค.563 เป็นต้นไป ในระหว่างเวลา 06.00 น.-23.00 น.ซึ่งผู้ลงทะเบียนต้องมีสัญชาติไทย อายุ 18 ปีบริบูรณ์ขึ้นไป มีบัตรประจำตัวประชาชน และไม่ใช่ผู้มีบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ
รมว.คลัง กล่าวว่า โครงการคนละครึ่ง ระยะที่ 2 ยังได้เปิดโอกาสให้ผู้ที่เคยถูกตัดสิทธิจากการไม่ได้ใช้สิทธิโครงการคนละครึ่งระยะแรกตามระยะเวลามที่กำหนด สามารถลงทะเบียนเข้าร่วมโครงการคนละครึ่งระยะที่ 2 ได้ใหม่ นอกจากนี้ ขอย้ำว่าผู้ใช้สิทธิโครงการคนละครึ่งระยะแรกและระยะที่ 2 จะไม่สามารถใช้สิทธิมาตรการช้อปดีมีคืนได้ ซึ่งเป็นไปตามหลักการที่จำแนกกลุ่มเป้าหมายของโครงการและมาตรการต่าง ๆ ไว้อย่างชัดเจนไม่ให้ซ้ำซ้อนลักลั่นกัน
ล่าสุดของโครงการคนละครึ่ง ณ วันที่ 8 ธ.ค. 63 เวลา 12.00 น.มีร้านค้าลงทะเบียนเข้าร่วมโครงการแล้วกว่า 9.4 แสนร้านค้า และมีผู้ใช้สิทธิแล้วจำนวน 9,537,093 คน โดยมียอดการใช้จ่ายสะสม 39,318 ล้านบาท แบ่งเป็นเงินที่ประชาชนจ่าย 20,091 ล้านบาท และภาครัฐร่วมจ่ายอีก 19,227 ล้านบาท ยอดใช้จ่ายเฉลี่ย 176 บาทต่อครั้ง โดยจังหวัดที่มีการใช้จ่ายสะสมมากที่สุด 5 อันดับแรก ได้แก่ กรุงเทพมหานคร สงขลา ชลบุรีนครศรีธรรมราช และเชียงใหม่ ตามลำดับ สำหรับผู้ประกอบการร้านค้ายังคงสมัครเข้าร่วมโครงการได้อย่างต่อเนื่อง
นอกจากนี้ ที่ประชุมครม. ยังได้เห็นชอบโครงการเพิ่มกำลังซื้อให้แก่ผู้มีบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ ระยะที่ 2 รัฐบาลจะเพิ่มวงเงินช่วยเหลือผู้มีบัตรสวัสดิการแห่งรัฐจำนวนประมาณ 14 ล้านคน ให้เป็นค่าซื้อสินค้าบริโภคอุปโภคที่จำเป็นจากร้านธงฟ้าราคาประหยัดพัฒนาเศรษฐกิจท้องถิ่น (ร้านธงฟ้าฯ) จำนวน 500 บาท/คน/เดือน เป็นระยะเวลาเวลา 3 เดือน ตั้งแต่เดือน ม.ค.-มี.ค. 64 ถือเป็นโครงการต่อเนื่องจากโครงการเดิมที่สิ้นสุดในเดือน ธ.ค.63 นอกจากจะช่วยรักษาระดับคุณภาพชีวิตของผู้มีบัตรสวัสดิการแห่งรัฐแล้ว ยังจะก่อให้เกิดการใช้จ่ายในท้องถิ่น ช่วยเหลือผู้ประกอบการในพื้นที่ ซึ่งถือเป็นวงจรเศรษฐกิจฐานรากที่สำคัญอีกด้วย
“โครงการเพิ่มกำลังซื้อให้แก่ผู้มีบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ ระยะที่ 2 และโครงการคนละครึ่ง ระยะที่ 2 จะเป็นของขวัญปีใหม่จากรัฐบาลที่มอบให้แก่ประชาชน เพื่อดูแลและเยียวยาผลกระทบทางเศรษฐกิจจากสถานการณ์โควิด-19 และฟื้นฟูเศรษฐกิจระดับฐานรากอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะโครงการคนละครึ่งที่กระทรวงการคลังได้นำดำริของนายกรัฐมนตรีมาดำเนินการ ซึ่งทั้ง 2 โครงการจะเป็นแรงส่งให้เศรษฐกิจไทยมีแนวโน้มของการเจริญเติบโตที่ดีขึ้นอย่างต่อเนื่องจนถึงปี 64”
นายอาคม กล่าว
โดย สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (8 ธ.ค. 63)
Tags: คนละครึ่ง, คนละครึ่งเฟส 2, ครม., อนุชา บูรพชัยศรี