13 แกนนำม็อบราษฎรเข้าข่ายความผิดม.112 กรณีชุมนุมหน้าสถานทูตเยอรมนี

พล.ต.ท.ภัคพงศ์ พงษ์เภตรา ผู้บัญชาการตำรวจนครบาล (ผบช.น.) กล่าวถึงกรณีผู้ชุมนุมสถานทูตเยอรมนีเข้ารายงานตัวตามหมายเรียกว่า คดีนี้สืบเนื่องจากมีการชุมนุมหน้าสถานทูตเยอรมนีเมื่อวันที่ 26 ต.ค.ที่ผ่านมา ได้มีผู้มาร้องทุกข์กล่าวโทษว่าผู้ชุมนุมกระทำผิดตาม ม.112 ตำรวจจึงตั้งคณะทำงานสืบสวนสอบสวนรวบรวมพยานหลักฐานจนพบการกระทำเข้าข่ายความผิดดังกล่าว จึงออกหมายเรียกแกนนำผู้ชุมนุมมารับทราบข้อกล่าวหาฐานกระทำผิดตาม ม.112 ที่ สน.ทุ่งมหาเมฆ รวม 13 คน แบ่งเป็นวันนี้ 9 คน ช่วงเช้ามาแล้ว 8 คน ช่วงบ่ายจะมาอีก 1 คน ส่วนพรุ่งนี้มี 4 คน

สำหรับกรณีมีผู้รวมกลุ่มรื้อลวดหนามหีบเพลงที่แยกอุรุพงษ์ค่ำวานนี้ เจ้าหน้าที่ตำรวจได้ดำเนินคดีกับผู้รื้อลวดหนามทั้งหมด 19 คน รวมถึง นายปิยรัฐ จงเทพ หรือโตโต้ ในความผิดฐานต่อสู้และขัดขวางการปฏิบัติงานของเจ้าหน้าที่,รวมกลุ่มมั่วสุม 10 คนขึ้นไปให้เกิดความวุ่นวายในบ้านเมือง,ทำลายทรัพย์สิน และไม่ปฏิบัติตามคำสั่งเจ้าพนักงานจากการสั่งให้ยุติการชุมนุมแต่ไม่เลิก ตอนนี้กำลังพิจารณาความผิดอื่น หากพบก็ต้องดำเนินคดี แต่ภายหลังควบคุมตัวเสร็จสิ้นก็ได้ปล่อยตัวไป ไม่ได้คุมขัง

พร้อมยืนยันว่าตำรวจไม่ได้ดำเนินคดีฐานลักทรัพย์ตามที่มีกระแสข่าว

ส่วนการเตรียมพร้อมรับมือหากมีการชุมนุมทางการเมืองในวันที่ 10 ธ.ค.นี้นั้น ตอนนี้การข่าวยังไม่มีเหตุบ่งชี้ความรุนแรง

พล.ต.ท.ภัคพงศ์ ปฏิเสธที่จะให้ความเห็นกรณีที่นายวัชระ เพชรทอง อดีตสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรแบบบัญชีรายชื่อ พรรคประชาธิปัตย์ ยื่นหนังถึง พล.ต.อ.สุวัฒน์ แจ้งยอด ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ เพื่อขอให้สอบสวนตำรวจเจ้าของสำนวนคดี ที่มีความเห็นไม่ฟ้อง นายสกุลธร จึงรุ่งเรืองกิจ ประธานเจ้าหน้าที่ บริหาร บริษัทเรียลแอสเสท ดีเวลลอปเม้นท์ จำกัด กรณีให้เงินเจ้าหน้าที่สำนักงานทรัพย์สินส่วนพระมหากษัตริย์ 20 ล้านบาท แลกกับการได้สิทธิเช่าที่ดินระยะยาวบริเวณองค์การโทรศัพท์แห่งประเทศไทย ย่านชิดลม มูลค่า 500 ล้านบาท ซึ่งเป็นทรัพย์สินของสำนักงานทรัพย์สินส่วนพระมหากษัตริย์ โดยไม่ผ่านการประมูลแข่งขันตามขั้นตอนปกติ โดยกล่าวเพียงสั้นๆ ว่า เรื่องดังกล่าวไม่ใช่ความรับผิดชอบของตำรวจนครบาลน่าจะเป็นอำนาจหน้าที่รับผิดชอบของกองบังคับการปราบปราม

สำหรับคดีนี้ พนักงานสอบสวนกองปราบปรามมีความเห็นสั่งไม่ฟ้อง นายสกุลธร และพนักงานอัยการเห็นตามพนักงานสอบสวน เนื่องจากพิจารณาแล้วพบว่าไม่เข้าข้อกฎหมายการให้สินบนเจ้าพนักงาน เนื่องจากแม้ว่านายสกุลธรจะมีการจ่ายเงิน 20 ล้านบาทจริง แต่เป็นการจ่ายเงินให้กับนายหน้า ไม่ใช่จ่ายให้เจ้าหน้าที่ของสำนักงานทรัพย์สินโดยตรงฯ แต่อย่างไรก็ตามหลังจากนี้พนักงานสอบสวนกองปราบปรามได้ตั้งคณะทำงานและเตรียมพิจารณาเอาผิดกับนายสกุลธรอีกครั้งฐานเข้าข่ายความผิดเป็นผู้จ้าง ผู้ใช้ หรือผู้สนับสนุนให้เกิดการกระทำผิด ส่วนพนักงานสอบสวนเจ้าของสำนวนจะเข้าข่ายบกพร่องในหน้าที่หรือไม่ที่ไม่พิจารณาข้อหาดังกล่าวแต่แรก จะต้องมีการตรวจสอบอีกครั้ง แต่เนื่องจากเป็นการสืบทราบข้อเท็จจริงภายหลังจึงอาจไม่เข้าข่าย

โดย สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (8 ธ.ค. 63)

Tags: , , , , , , ,
Back to Top