หุ้นไทยเช้านี้แนวโน้มแกว่งไซด์เวย์-อิงพักฐาน เหตุกังวลโควิดระบาดในสหรัฐ

นักวิเคราะห์ฯคาดตลาดหุ้นไทยเช้านี้แกว่งไซด์เวย์ในลักษณะพักฐาน คล้ายตลาดหุ้นทั่วโลก จากความกังวลการแพร่ระบาดไวรัสโควิด-19 ในสหรัฐ จนต้องมีการใช้มาตราการควบคุมการแพร่ระบาด ส่วนไทยถือว่ายังคุมได้ในเกณฑ์ที่ดีมาก และ Fund Flow ยังไหลเข้า นอกจากนี้ วันนี้มีลุ้นผลประชุมครม.ที่จะพิจารณาขยายเวลาโครงการไทยเที่ยวด้วย-โครงการคนละครึ่ง เฟส 2 แต่วอลุ่มเทรดอาจแผ่วหลังตลาดบ้านเราจะเปิดทำการแค่ 2 วันในสัปดาห์นี้ พร้อมให้แนวรับ 1,445-1,440 แนวต้าน 1,454-1,460 จุด

นายอภิชาติ ผู้บรรเจิดกุล ผู้อำนวยการอาวุโส สายงานวิเคราะห์เชิงกลยุทธ์ บล.ทิสโก้ กล่าวว่า ตลาดหุ้นไทยเช้านี้คาดว่าจะแกว่งไซด์เวย์ในลักษณะแกว่งพักฐาน คล้ายคลึงกับตลาดหุ้นทั่วโลก จากความกังวลการแพร่ระบาดไวรัสโควิด-19 ในสหรัฐ จนต้องมีการใช้มาตรการควบคุมการแพร่ระบาดในบางรัฐของสหรัฐ ส่วนในไทยก็ถือว่ายังควบคุมการแพร่ระบาดไวรัสโควิด-19 ได้ในเกณฑ์ที่ดีมาก และ Fund Flow ยังไหลเข้าอยู่

นอกจากนี้ วันนี้ให้ติดตามการประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) จะมีการพิจารณาเรื่องขยายเวลาโครงการไทยเที่ยวด้วยกัน และโครงการคนละครึ่ง เฟส 2 อย่างไรก็ดี วอลุ่มเทรดอาจแผ่วลงหลังจากที่ตลาดบ้านเราจะเปิดทำการแค่ 2 วันในสัปดาห์นี้

อย่างไรก็ดี สัปดาห์นี้ให้ติดตามการประชุมธนาคารกลางยุโรป (ECB) ซึ่งก็คาดว่าจะคงอัตราดอกเบี้ย พร้อมให้แนวรับ 1,445-1,440 จุด ส่วนแนวต้าน 1,454-1,460 จุด

ประเด็นพิจารณาการลงทุน

  • ตลาดหุ้นนิวยอร์กล่าสุด (7 ธ.ค.) ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดที่ 30,069.79 จุด ลดลง 148.47 จุด (-0.49%), ดัชนี S&P500 ปิดที่ 3,691.96 จุด ลดลง 7.16 จุด (-0.19%), ดัชนี Nasdaq ปิดที่ 12,519.95 จุด เพิ่มขึ้น 55.72 จุด (+0.45%)
  • ตลาดหุ้นเอเชียเปิดตลาดวันนี้ ดัชนี SSE Composite ตลาดหุ้นจีน เพิ่มขึ้น 1.09 จุด, ดัชนี NIKKEI 225 ตลาดหุ้นญี่ปุ่น ลดลง 167.12 จุด, ดัชนี HSI ตลาดหุ้นฮ่องกง ลดลง 46.50 จุด, ดัชนี TAIEX ตลาดหุ้นไต้หวัน ลดลง 4.66 จุด, ดัชนี KOSPI ตลาดหุ้นเกาหลีใต้ ลดลง 0.31 จุด, ดัชนี FTSE STI ตลาดหุ้นสิงคโปร์ ลดลง 4.52 จุด, ดัชนี FBMKLCI ตลาดหุ้นมาเลเซีย เพิ่มขึ้น 2.55 จุด
  • ตลาดหุ้นไทยปิดล่าสุด (4 ธ.ค.63) 1,449.83 จุด เพิ่มขึ้น 11.51 จุด (+0.80%)
  • นักลงทุนต่างชาติซื้อสุทธิ 1,207.41 ล้านบาท เมื่อวันที่ 4 ธ.ค.63
  • ราคาน้ำมันดิบ WTI ส่งมอบเดือน ม.ค.64 ในตลาดไนเม็กซ์ปิดทำการล่าสุด (7 ธ.ค.63) ปิดที่ 45.76 ดอลลาร์/บาร์เรล ลดลง 50 เซนต์ หรือ 1.1%
  • ค่าการกลั่นอ้างอิงตลาดสิงคโปร์ปิดล่าสุด (7 ธ.ค.63) อยู่ที่ 0.30 ดอลลาร์/บาร์เรล
  • เงินบาทเปิด 30.14/15 แนวโน้มทรงตัว-ธุรกรรมเบาบาง หลังใกล้ช่วงหยุดยาว
  • “พลังงาน” เร่งพิจารณามอบของขวัญปีใหม่ให้คนไทยเพิ่มเติม หลังนำร่องลดค่าไฟฟ้าไปก่อนหน้านี้แล้ว รอลุ้น กบง.เคาะตรึงราคาแอลพีจีต่อหรือไม่ในการประชุมเดือนนี้ ส่วนการลดค่าการตลาดน้ำมันตามที่กลุ่มผีเสื้อเสนอ อยู่ระหว่างการหารือ เผยยังเตรียมพิจารณาทีโออาร์เปิดรับซื้อโรงไฟฟ้าชุมชน และหลักเกณฑ์การใช้เงินกองทุนอนุรักษ์พลังงาน
  • จับตาคมนาคมชง ครม.ไฟเขียวส่วนต่อขยายสายสีชมพู ระยะ 3 กม. วงเงิน 3,379 ล้านบาท วันที่ 8 ธ.ค.นี้ หลังทบทวนรายละเอียดแล้วถึง 4 รอบ ประกาศลั่น หาก ครม.มีความคิดเห็นเพิ่มเติม พร้อมกลับไปดำเนินการแก้ไขให้เรียบร้อยก่อนเสนอใหม่อีกรอบ
  • นายสุพัฒนพงษ์ พันธ์มีเชาวน์ รองนายกรัฐมนตรี และรมว.พลังงาน เปิดเผยว่า รัฐบาลมั่นใจเศรษฐกิจไทยปีหน้า จะขยายตัวได้มากกว่า 4% แม้ว่าล่าสุด นายเศรษฐพุฒิ สุทธิวาทนฤพุฒิ ผู้ว่าการธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) ได้ออกมาแสดงความเป็นห่วงว่าเศรษฐกิจในปีหน้าอาจขยายตัวได้ไม่ถึง 4% เพราะเป็นห่วงเรื่องภาคการท่องเที่ยวและการส่งออกที่ยังไม่ฟื้นตัว ซึ่งรัฐบาลรับทราบในข้อเป็นห่วงของผู้ว่าการ ธปท. แต่ยังมั่นใจว่าในปีหน้ารัฐบาลจะผลักดันให้เศรษฐกิจขยายตัวไม่น้อยกว่า 4%
  • นายผยง ศรีวณิช กรรมการผู้จัดการใหญ่ ธนาคารกรุงไทย (KTB) เปิดเผยถึง ภาพรวมเศรษฐกิจในปี 2564 ว่าการฟื้นตัว ของภาคธุรกิจจะไม่เท่ากัน ขณะที่การฟื้นตัวทางเศรษฐกิจจะยังไม่แน่นอน ซึ่งปีหน้าคาดว่าจะขับเคลื่อนด้วยนโยบายของรัฐบาล รวมถึงการเบิกจ่ายที่ต้องมีประสิทธิภาพ ด้านการท่องเที่ยวคาดว่า จะเริ่มกลับมาประมาณไตรมาส 3 จาก สมมุติฐานโดยการคาดการณ์ของธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) ที่คาดว่าจะมีจำนวนนักท่องเที่ยวเข้ามาประมาณ 9.5 ล้านคน

หุ้นเด่นวันนี้

  • SAK (บมจ. ศักดิ์สยามลิสซิ่ง) เทรดวันนี้วันแรก ในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (SET) สังกัดกลุ่มอุตสาหกรรมธุรกิจการเงิน หมวดเงินทุนและหลักทรัพย์ โดยมีราคาขาย IPO 3.70 บาท/หุ้น บล.ฟินันเซีย ไซรัส เป็นผู้จัดจำหน่ายและรับประกันการจำหน่ายหุ้นสามัญเพิ่มทุนหุ้น IPO ของ SAK ประเมินราคาเป้าหมายที่ 4.50 บาท คาดรายได้และกำไรปี 2563 ไม่โต เพราะถูกกระทบจากการปรับลดเพดานของสินเชื่อบางประเภท แต่กำไรจะเร่งขึ้นในปี 2564-2565 +18% Y-Y และ +25% Y-Y ตามลำดับ
    บริษัทฯให้บริการสินเชื่อส่วนบุคคลภายใต้การกำกับที่มีทะเบียนรถเป็นประกัน สินเชื่อส่วนบุคคลภายใต้การกำกับที่ไม่ใช่สินเชื่อที่มีทะเบียนรถเป็นประกัน ณ สิ้นงวด 1H20 มีพอร์ตสินเชื่อ 6.1 พันล้านบาท มีสาขา 519 แห่งในภาคเหนือ ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ภาคกลาง และภาคตะวันตก บริษัทมีจุดเด่นในด้านการติดตามจัดเก็บหนี้ คุณภาพหนี้จึงอยู่เกณฑ์ดี NPL ratio ต่ำ ไม่เป็นภาระต่อการตั้งสำรองหนี้สูญ การเพิ่มทุน IPO ครั้งนี้จะเพิ่มศักยภาพในการขยายพอร์ตสินเชื่อ ลดต้นทุนทางการเงิน และเพิ่มแหล่งเงินทุนในอนาคต
  • JMT-W3 (ใบสำคัญแสดงสิทธิที่จะซื้อหุ้นสามัญ ของบมจ.เจ เอ็ม ที เน็ทเวอร์ค เซอร์วิสเซ็ส (JMT)) เทรดวันนี้วันแรก มีจำนวน 99,995,294 หน่วย ราคา 0.00 บาท/หน่วย อายุ 1 ปี 6 เดือน อัตราการใช้สิทธิ 1 ใบสำคัญแสดงสิทธิต่อ 1 หุ้นสามัญใหม่ ที่ราคาใช้สิทธิ 42 บาท/หุ้น กำหนดใช้สิทธิครั้งแรกวันที่ 31 มี.ค.64 และใช้สิทธิครั้งสุดท้าย วันที่ 16 พ.ค.65
  • MTC (ฟินันเซีย ไซรัส) “ซื้อ”เป้า 70 บาท คาดกำไร Q4/63 ทำ New High จากสินเชื่อที่โตเร่งตัวขึ้นตามการฟื้นตัวของเศรษฐกิจและคาดจะได้ตามเป้าโต 20% ปีนี้ ขณะที่ NPL ต่ำมาก ไม่มีข้อกังวล โดยคาดกำไรปี 2563-2564 +15% Y-Y และ +24% Y-Y ตามลำดับ ผู้บริหารยังคงเป้าสินเชื่อเชิงรุกปี 2564 ที่คาดโต 20-25% ขณะที่ Yield ยังมีช่องวางให้ลดเพื่อรับมือกับการแข่งขันจาก SAWAD-ออมสิน ได้และคาดผลกระทบจะไม่มากในช่วง 1-2 ปีแรก
  • PLANB (กรุงศรี) “ซื้อ”เป้า 7.8 บาท ราคาหุ้นยังปรับขึ้นน้อยกว่าหากเทียบกับหุ้นอื่นๆ ที่ได้รับผลกระทบจากโควิด-19 กำไรพลิกเป็นบวกตั้งแต่ Q3/63 และโตเด่นใน Q4/63 ก่อนจะเพิ่มขึ้นแบบก้าวกระโดดในปีหน้า

โดย สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (8 ธ.ค. 63)

Tags: , , , , , , , ,
Back to Top