- ศบค.สรุปยอดผู้ติดเชื้อโควิด-19 ในไทย วันนี้ (11.00 น.)
- ผู้ติดเชื้อสะสม 4,086 คน (+14)
- เป็นผู้ติดเชื้อในประเทศ = 1 ราย
- เป็นผู้ติดเชื้อจากต่างประเทศอยู่ในสถานกักกันที่รัฐจัดให้ (State Quarantine) = 10 ราย
- เป็นผู้เดินทางจากต่างประเทศไม่เข้าสถานที่กักกัน = 3 ราย
- รักษาหายแล้ว 3,853 คน (+5)
- ผู้ป่วยรักษาอยู่โรงพยาบาล 173 คน (+9)
- เสียชีวิตสะสม 60 คน (+0)
ศูนย์บริหารสถานการณ์โควิด-19 (ศบค.) รายงานสถานการณ์การแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 ในประเทศวันนี้ว่า พบผู้ป่วยยืนยันติดเชื้อรายใหม่เพิ่ม 14 ราย เป็นผู้เดินทางมาจากต่างประเทศและเข้าสถานกักกัน (Quarantine Facilities) 10 ราย จากเบลเยียม 1 ราย ,ยูเครน 1 ราย ,ซาอุดีอาระเบีย 2 ราย ,สหรัฐอเมริกา 1 ราย ,กาตาร์ 1 ราย ,สวีเดน 1 ราย , ญี่ปุ่น 1 ราย ,เมียนมา 1 ราย และสหราชอาณาจักร 1 ราย ส่วนอีก 3 รายเดินทางมาจากเมียนมา แต่ไม่ได้เข้าในสถานที่กักกัน ขณะที่เป็นผู้ติดเชื้อในประเทศ 1 ราย จากกรุงเทพมหานคร
สำหรับจำนวนผู้ป่วยยืนยันสะสมในประเทศ ล่าสุดอยู่ที่ 4,086 ราย เป็นผู้ป่วยที่ติดเชื้อภายในประเทศ 2,458 ราย และผู้ป่วยที่เดินทางมาจากต่างประเทศ 1,628 ราย ส่วนผู้ป่วยรักษาหายแล้วเพิ่มอีก 5 ราย รวมเป็น 3,853 ราย ยังมีผู้ป่วยรักษาตัวอยู่ในโรงพยาบาล 173 ราย ยอดผู้เสียชีวิตสะสมคงที่ 60 ราย
นพ.ทวีศิลป์ วิษณุโยธิน โฆษกศบค. เปิดเผยว่า สำหรับรายละเอียดผู้ป่วยรายใหม่ในวันนี้ ในส่วนของผู้ติดเชื้อภายในประเทศ 1 ราย จากกรุงเทพฯ เป็นหญิงไทย อายุ 26 ปี เป็นบุคลากรทางการแพทย์ ปฏิบัติงานที่ Alternative State Quarantine (ASQ) มีอาการไข้ ไอ เจ็บคอ ตรวจพบเชื้อเมื่อวันที่ 3 ธ.ค. รักษาตัวที่โรงพยาบาลเอกชน ในกรุงเทพฯ
สำหรับอีก 3 ราย เดินทางมาจากเมียนมา และไม่ได้เข้าในสถานที่กักกัน โดยรายแรกเป็นชายไทย อายุ 70 ปี เดินทางเข้าไทยผ่านเส้นทางธรรมชาติ เมื่อวันที่ 29 พ.ย. มีอาการไข้ ตรวจพบเชื้อเมื่อวันที่ 4 ธ.ค. รักษาตัวอยู่ที่โรงพยาบาลแม่สอด , อีกรายเป็นหญิงไทย อายุ 26 ปี อาชีพพนักงานสถานบันเทิง เดินทางเข้าไทยผ่านเส้นทางธรรมชาติ เมื่อวันที่ 27 พ.ย. มีอาการไข้ ไอ และเสมหะ ตรวจพบเชื้อในวันที่ 4 ธ.ค. เข้ารักษาตัวที่โรงพยาบาลนครพิงค์ และอีก 1 ราย เป็นหญิงไทย อายุ 26 ปี มีประวัติเดินทางไปพื้นที่เสี่ยง อ.แม่สาย ระหว่างวันที่ 27-29 พ.ย.63 พบอาการมีน้ำมูก ตรวจพบเชื้อเมื่อวันที่ 5 ธ.ค. เข้ารักษาตัวที่โรงพยาบาลเวชศาสตร์เขตร้อน
ขณะที่อีก 10 ราย เดินทางมาจากต่างประเทศและเข้าสถานกักกัน ประกอบด้วย เบลเยียม 1 ราย เดินทางมาถึงไทยเมื่อวันที่ 28 พ.ย. ต่อเครื่องบินที่กาตาร์ เป็นเพศหญิง อายุ 46 ปี สัญชาติไทย อาชีพพนักงานร้านเสริมสวย ตรวจพบเชื้อเมื่อวันที่ 3 ธ.ค. ไม่มีอาการ เข้ารักษาตัวที่โรงพยาบาลเอกชน , ยูเครน 1 ราย เดินทางมาถึงไทยเมื่อวันที่ 30 พ.ย. เพศหญิง อายุ 45 ปี สัญชาติไทย อาชีพ พนักงานนวด ตรวจพบเชื้อวันที่ 3 ธ.ค. ไม่มีอาการ รักษาตัวที่โรงพยาบาลสมุทรปราการ
ซาอุดีอาระเบีย 2 ราย เดินทางมาถึงไทยเมื่อวันที่ 28 พ.ย. เป็นนักเรียนชายไทย อายุ 9 ปีและ 10 ปี ตรวจพบเชื้อเมื่อวันที่ 2 ธ.ค. ไม่มีอาการ เข้ารักษาตัวที่โรงพยาบาลวัดญาณสังวราราม , สหรัฐอเมริกา 1 ราย เดินทางถึงไทยวันที่ 20 พ.ย. ต่อเครื่องบินที่ไทเป เพศชาย อายุ 71 ปี สัญชาติอังกฤษ ตรวจพบเชื้อวันที่ 2 ธ.ค. ไม่มีอาการ เข้ารักษาตัวที่โรงพยาบาลเอกชน ,กาตาร์ 1 ราย เดินทางถึงไทยวันที่ 3 ธ.ค. เพศหญิง อายุ 38 ปี สัญชาติไทย อาชีพ ล่ามแปลภาษา ตรวจพบเชื้อวันที่ 4 ธ.ค. ไม่มีอาการ เข้ารักษาตัวที่โรงพยาบาลเอกชน
สวีเดน 1 ราย เดินทางถึงไทยเมื่อวันที่ 28 พ.ย. ต่อเครื่องบินที่กาตาร์ เพศหญิง อายุ 16 ปี สัญชาติไทย เป็นนักเรียน ตรวจพบเชื้อวันที่ 3 ธ.ค. ไม่มีอาการ รักษาตัวที่โรงพยาบาลเอกชน , ญี่ปุ่น 1 ราย เดินทางถึงไทยเมื่อวันที่ 29 พ.ย. เพศหญิง อายุ 43 ปี สัญชาติไทย อาชีพแม่บ้าน ตรวจพบเชื้อวันที่ 4 ธ.ค. ไม่มีอาการ รักษาตัวที่โรงพยาบาลเอกชน , เมียนมา 1 ราย เดินทางถึงไทยเมื่อวันที่ 27 พ.ย. เพศชาย อายุ 24 ปี สัญชาติเมียนมา อาชีพบุคลากรทางการแพทย์ มีประวัติติดเชื้อโควิด-19 เมื่อเดือนต.ค.63 ตรวจพบเชื้อวันที่ 2 ธ.ค. ไม่มีอาการ รักษาตัวที่โรงพยาบาลเอกชน และสหราชอาณาจักร 1 ราย เดินทางถึงไทยเมื่อวันที่ 30 พ.ย. เพศหญิง อายุ 31 ปี สัญชาติไทย อาชีพ รับจ้าง มีประวัติติดเชื้อโควิด-19 เมื่อเดือนต.ค.63 ตรวจพบเชื้อเมื่อวันที่ 1 ธ.ค. ไม่มีอาการ เข้ารักษาตัวที่โรงพยาบาลเอกชน
สำหรับสถานการณ์โรคติดเชื้อโควิด-19 ทั่วโลก ล่าสุดยอดผู้ติดเชื้อรวม 66,847,041 ราย เสียชีวิต 1,534,344 ราย ประเทศที่มีผู้ติดเชื้อสูงสุด 5 อันดับแรก ได้แก่ สหรัฐอเมริกา จำนวน 14,983,425 ราย , อินเดีย จำนวน 9,644,529 ราย , บราซิล จำนวน 6,577,177 ราย , รัสเซีย จำนวน 2,431,731 ราย และ ฝรั่งเศส จำนวน 2,281,475 รายส่วนประเทศไทย อยู่ในอันดับที่ 151 จำนวน 4,086 ราย
นพ.โสภณ เอี่ยมศิริถาวร ผู้อำนวยการกองโรคติดต่อทั่วไป กรมควบคุมโรค เปิดเผยว่า สำหรับผู้ติดเชื้อโควิด-19 ที่มีความเชื่อมโยงกับผู้ที่เดินทางมาจากจ.ท่าขี้เหล็ก ในเมียนมา ตั้งแต่ปลายเดือนพ.ย. ขณะนี้มี 23 ราย โดยอยู่ในพื้นที่จ.เชียงใหม่ 5 ราย ,จ. เชียงราย 11 ราย โดยมีอยู่ 5 รายที่พบในสถานกักกันที่รัฐจัดให้ (Local Quarantine) และใน 11 ราย มีเพียง 1 รายที่ไม่มีประวัติเดินทางไปที่จ.ท่าขี้เหล็ก แต่เป็นผู้ใกล้ชิดกับเพื่อนที่เดินทางกลับมา
กรุงเทพฯ ขณะนี้มีรายงานรวม 3 ราย โดยรายแรกเป็นผู้กลับมาจากเมียนมา และวานนี้ มีรายงานเพิ่ม 1 ราย ซึ่งเป็นสาวประเภทสอง อาย 30 ปี และวันนี้ มีรายงานล่าสุด พบเป็นหญิงอายุ 26 ปี ทั้งสองรายที่เป็นสาวประเภทสอง และรายใหม่ที่พบในวันนี้ มีประวัติเดินทางไปท่าขี้เหล็กเช่นเดียวกัน รวมถึงยังพบผู้ติดเชื้อในจ.ราชบุรี จ.พิจิตร จ.พะเยา และจ.สิงห์บุรี จังหวัดละ 1 ราย
นพ.โสภณ กล่าวถึง ไทม์ไลน์ของผู้ป่วยรายใหม่ในกรุงเทพฯ ซึ่งเป็นหญิงไทย อายุ 26 ปี มีประวัติร่วมกับผู้ป่วยในกรุงเทพฯ ที่เป็นสาวประเภทสองอายุ 30 ปีที่รายงานเมื่อวานนี้ โดยสองรายเดินทางไปจ.เชียงรายเมื่อวันที่ 6 พ.ย. และข้ามไปสถานบันเทิงในท่าขี้เหล็ก ช่วงวันที่ 6-27 พ.ย. และกลับมาประเทศไทยอีกครั้งเมื่อ 27 พ.ย. พักที่โรงแรมแห่งหนึ่งในอ.แม่สาย และวันที่ 28 พ.ย.ได้ไปซื้อของช่วงกลางวัน และช่วงเย็นได้ไปเดินที่ถนนคนเดิน และเมื่อวันที่ 29 พ.ย.ทั้งสองเดินไทางไปวัดพระธาตุดอยเวา และในตอนค่ำหญิง อายุ 26 ปี เดินทางกลับกรุงเทพฯ ด้วยสายการบินไทยสมายล์ เที่ยวบิน WE137 หลังจากนั้นใช้บริการรถแท็กซี่สนามบินไปยังโรงแรมในกรุงเทพฯ แวะร้านสะดวกซื้อใกล้โรงแรม ขณะที่ช่วงวันที่ 30 พ.ย.-3 ธ.ค. พักในโรงแรมตลอดและไปร้านสะดวกซื้อบ้าง ต่อมาวันที่ 4 ธ.ค. มาเป็นเพื่อนกับสาวประเภทสองที่มารับการตรวจหาเชื้อโควิด-19 และเมื่อเพื่อนสาวประเภทสองตรวจพบเชื้อ หลังจากนั้นวันที่ 5 หญิงรายดังกล่าวจึงได้มาทำการตรวจ และพบเชื้อในเวลาต่อมา
ส่วนไทม์ไลน์ของสาวประเภทสอง อายุ 30 ปี เดินทางกลับจากเชียงรายมากรุงเทพฯ เมื่อวันที่ 30 พ.ย. ด้วยสายการบินไทยไลออนแอร์ เที่ยวบิน SL545 ช่วงเวลา 19.15-20.00 น. ถึงสนามบินดอนเมือง และนั่งแท็กซี่กลับบ้าน ระหว่างวันที่ 1-3 ธ.ค. อยู่บ้านตลอด และมารับการตรวจหาเชื้อที่โรงพยาบาลเมื่อวันที่ 4 ธ.ค.ก่อนจะพบเชื้อ ซึ่งเบื้องต้นจากการสอบสวนโรคพบทั้งสองราย มีผู้สัมผัสเสี่ยงสูงไม่น้อยกว่า 5 ราย และผู้สัมผัสเสี่ยงต่ำกว่า 10 ราย โดยผู้สัมผัสเสี่ยงสูงเป็นเพื่อนอยู่ในจ.เชียงราย 2 ราย ตรวจไม่พบเชื้อ 1 ราย และอีก 1 รายอยู่ระหว่างติดตามตัว และผู้สัมผัสในครัวเรือนอีก 1 ราย ในจ.ปทุมธานี อยู่ระหว่างการติดตามตัว รวมถึงผู้โดยสารใน 2 เที่ยวบินดังกล่าวด้วย
สำหรับความก้าวหน้าของผู้ติดเชื้อเพศหญิง อายุ 51 ปี ในจ.สิงห์บุรี ซึ่งรายนี้เดินทางจากจ.เชียงราย มายังกรุงเทพฯในช่วงปลายเดือนพ.ย. ด้วยเที่ยวบิน DD8717 จากการสอบสวนโรคพบผู้ที่สัมผัสเสี่ยงสูง 32 ราย ซึ่งขณะนี้ได้รับการตรวจหาเชื้อและมีผลออกมาเป็นลบทุกราย แม้จะเบาใจได้ระดับหนึ่ง แต่ก็ต้องกักกัน ให้ครบ 14 วันและทำตรวจซ้ำอีกครั้ง ส่วนผู้สัมผัสเสี่ยงต่ำ 195 ราย ส่วนใหญ่เป็นผู้พบเจอในพื้นที่สาธารณะ และโรงพยาบาล
อย่างไรก็ตามในเที่ยวบินนี้ พบผู้ป่วยโควิดที่ยืนยันแล้ว 2 ราย คือหนึ่งรายในกรุงเทพฯ และอีกหนึ่งรายในจ.พิจิตร ซึ่งทีมงานสอบสวนได้ทำการสำรวจพื้นที่ความเสี่ยงที่สนามบินและบนเครื่องบิน พบว่าผู้ป่วยในจ.สิงห์บุรี นั่งอยู่ที่หมายเลข 52C ซึ่งห่างจากผู้ติดเชื้อรายก่อนหน้านี้ และไม่ได้อยู่ใกล้ชิดกัน แต่จากการตรวจสอบกล้องวงจรปิดในสนามบินแม่ฟ้าหลวง เห็นว่าผู้ป่วยในจ.สิงห์บุรี อยู่ในพื้นที่เดียวกันกับผู้ป่วยจากจ.พิจิตร และอาจมีช่วงเวลาไปห้องน้ำใกล้เคียงกัน ซึ่งจะต้องตรวจสอบเพิ่มเติมต่อไปว่าจุดเสี่ยงสูงสุดอยู่ที่ใด โดยเที่ยวบินดังกล่าวเป็นวันที่ 28 พ.ย. ซึ่งขอให้ผู้ที่โดยสารสายการบินนกแอร์ เที่ยวบิน DD8717 มารายงานตัวกับเจ้าหน้าที่
ส่วนกรณีผู้ติดเชื้อชาวเมียนมา ที่ไม่เกี่ยวข้องกับกรณีของท่าขี้เหล็ก แต่เป็นผู้ลักลอบเข้าเมืองผิดกฎหมายมาจากจ.เมียวดี ซึ่งตรงข้ามอ.แม่สอด จ.ตาก มี 2 ราย โดยรายแรกเป็นชายอายุ 43 ปี เป็นนักธุรกิจ อยู่ในฝั่งเมียนมาระหว่างวันที่ 16-29 พ.ย. และวันที่ 30 พ.ย.เดินทางมาท่าเรือขนส่งสินค้า เพื่อติดต่อขนส่งสินค้า และเดินทางรักษาโรคประจำตัวที่คลีนิกแห่งหนึ่งในอ.แม่สอด และวันที่ 3 ธ.ค.ต้องการขอใบรับรองแพทย์เพื่อเดินทาง โดยไม่มีอาการป่วย ผลการตรวจพบว่าติดเชื้อ มีผู้สัมผัสเสี่ยงสูง 13 ราย สามารถระบุตัวได้ และอยู่ระหว่างเฝ้าระวังกักกันตัว
ส่วนอีกรายเป็นผู้ป่วยในอ.แม่สอด อายุ 70 ปี ข้ามมาจากประเทศเพื่อนบ้านช่วง 2-3 เดือนที่ผ่านมา และวันที่ 20 พ.ย.ลักลอบเข้าประเทศทางช่องทางธรรมชาติ มีอาการป่วยเป็นไข้หวัด พักอยู่กับลูกเขย จากนั้นวันที่ 2 ธ.ค. ได้พบกับลูกสาวที่เดินทางมาจากกรุงเทพฯ วันที่ 4 ธ.ค.มีอาการป่วยมากขึ้น เรียกรถโรงพยาบาลเอกชนมารับระหว่างทางอาการไม่ดี จึงแวะที่โรงพยาบาลแม่สอด แพทย์ได้ตรวจพบเชื้อโควิด-19
ทั้งนี้ จะเห็นได้ว่าแม้จะพบผู้ติดเชื้อภายในประเทศขณะนี้ แต่ยังไม่ถือว่าเป็นการระบาดรอบสอง เพราะเป็นการติดเชื้อแบบจำกัด
นพ.โอภาส การย์กวินพงศ์ รักษาราชการแทนอธิบดีกรมควบคุมโรค กล่าวว่า ขณะนี้ไทยพบผู้ติดเชื้อในหลายจังหวัด ซึ่งในบางกรณีก็ไม่เกี่ยวข้องกัน ดังนั้น การดำเนินงานของทางจังหวัดที่มีความเข้มแข็งจะเป็นปัจจัยสำคัญในการควบคุมโรคให้ได้ ถ้าพบผู้ติดเชื้อรายหนึ่ง ผู้ติดเชื้อต้องได้รับการรักษา ผู้สัมผัสทุกคนต้องได้รับการตรวจทางห้องปฏิบ้ติการ และจะต้องมีการกำกับในสถานที่ต่าง ๆ ทั้งโรงพยาบาล ยานหาหนะให้เป็นไปตามมาตรฐานป้องกันโรค จากนั้นกรมควบคุมโรคก็จะประเมินร่วมกับจังหวัด ถ้าสามารถติดตามผู้สัมผัสได้ดี ไม่มีผู้ป่วยใหม่เพิ่มเติมขึ้นมาก ประชาชนร่วมมือดี ก็จะทำให้การควบคุมโรคเป็นไปด้วยดี
อย่างจ.เชียงใหม่ มีผู้ป่วย 5 ราย ขณะนี้การดำเนินการต่าง ๆ ไม่มีผู้ป่วยเพิ่มขึ้นมาก ถือว่าสถานการณ์จ.เชียงใหม่อยู่ภายใต้การควบคุม มีความปลอดภัย สามารถเดินทางไปท่องเที่ยวได้ ส่วนจ.เชียงราย พบผู้ป่วย 11 ราย โดยระยะหลังเป็นผู้ป่วยที่ตรวจพบในสถานกักกันโรคซึ่งสามารถดำเนินการได้ดี ส่วนจ.พะเยา หลังจากมีเคสแรกแล้วก็ไม่มีผู้ป่วยรายอื่นเพิ่มเติม ผู้สัมผัสก็ได้ตรวจเรียบร้อย ไม่พบการติดเชื้อ ถือว่าอยู่ในระยะปลอดภัย ขณะที่จ.พิจิตร พบผู้ป่วยรายเดียว ผู้สัมผัสตรวจได้ครบ ไม่พบการติดเชื้อ จ.ราชบุรี ที่พบผู้ติดเชื้อเดินทางมาจากท่าขี้เหล็ก การควบคุมโรคยังเป็นไปด้วยดี ไม่พบผู้ติดเชื้อเพิ่ม ถือว่าสถานการณ์อยู่ภายใต้การควบคุม ส่วนจ.สิงห์บุรี พบ 1 ราย ถือว่าอยู่ในภาวะควบคุมโรคได้ เพราะได้ตรวจผู้สัมผัสทุกคนผลออกมาเป็นลบ และรอตรวจผลครั้งที่สองต่อไปในอีก 7 วัน ก็ถือว่าสถานการณ์อยู่ภายใต้การควบคุม
“สังเกตว่ากรณีท่าขี้เหล็ก ทุกจังหวัดอยู่ในสถานการณ์ที่เราควบคุมได้ จุดที่เป็นจุดใหญ่ที่สุดคือจังหวัดเชียงราย เนื่องจากเป็นฝั่งตรงกันข้าม ขณะนี้ผู้ลักลอบเข้ามา ทางฝ่ายความมั่นคงก็ควบคุมอย่างเข้มแข็ง การเข้ามาระยะหลังจะเป็นการเข้ามาทางด่านที่เราเปิดช่อง แล้วนำไปอยู่สถานกักกันโรค ถือว่าสถานการณ์เชียงรายก็ถือว่าดีขึ้นตามลำดับ พี่น้องประชาชนไม่ต้องห่วง สามารถไปเที่ยวได้ ไม่ต้องงดการเดินทาง ถือว่าสถานการณ์ต่าง ๆ อยู่ในภาวะที่น่าพอใจ และจะเกิดปัญหาการแพร่ระบาดของโรคเป็นไปได้น้อย ไม่ต้องกังวล”
นพ.โอภาส กล่าว
ศบค. ยังแจ้งด้วยว่าคณะกรรมการโรคติดต่อจังหวัดพิจิตร มีมติปิดสถานบันเทิง 2 แห่งที่ผู้ติดเชื้อโควิด-19 ไปเที่ยว เป็นเวลา 14 วัน ตั้งแต่วันที่ 2 ธ.ค.63 เป็นต้นไป พร้อมให้ทำความสะอาดพื้นที่ และมอบกระทรวงแรงงานเร่งหาแนวทางชดเชยกับผู้ประกอบการและพนักงานในสถานประกอบการต่อไป
ขณะที่ผู้ว่าราชการจังหวัดแม่ฮ่องสอน สั่งคุมเข้มมาตรการป้องกันการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 โดยมีคณะกรรมการโรคติดต่อจังหวัดแม่ฮ่องสอน ลงสำรวจพื้นที่บริเวณจุดผ่อนปรนช่องทางบ้านแม่สามแลบ อำเภอสบเมย จังหวัดแม่ฮ่องสอน นอกจากนั้น ยังได้มอบนโยบายการปรับพื้นที่ริมแม่ลำสาละวิน ให้เป็นตลาดนัดเพื่อต้อนรับนักท่องเที่ยวในอนาคต ตามนโยบายที่จะสนับสนุนให้มีนักท่องเที่ยวมาท่องเที่ยวช่วงฤดูร้อน
โดย สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (06 ธ.ค. 63)
Tags: COVID-19, กรมควบคุมโรค, ทวีศิลป์ วิษณุโยธิน, ศบค., ศูนย์บริหารสถานการณ์โควิด-19, โควิด-19, โสภณ เอี่ยมศิริถาวร, โอภาส การย์กวินพงศ์