เจ้าหน้าที่ระดับสูงของกระทรวงการคลังสหรัฐรายหนึ่งเปิดเผยว่า รัฐบาลสหรัฐคาดว่าจีนจะเคารพต่อคำมั่นสัญญาที่จะซื้อสินค้าของสหรัฐมากขึ้นภายใต้ข้อตกลงการค้าที่สหรัฐและจีนลงนามกันในเดือนม.ค.ที่ผ่านมา แม้ไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่ (โควิด-19) ระบาดอย่างรวดเร็วก็ตาม
เจ้าหน้าที่ดังกล่าวระบุว่า ขณะนี้ยังเร็วเกินไปที่จะคาดการณ์ได้อย่างถูกต้องเกี่ยวกับผลกระทบของไวรัสโควิด-19 ที่มีต่อเศรษฐกิจโลก แต่จากการประเมินสถานการณ์พื้นฐานคาดว่าการขยายตัวของเศรษฐกิจจีนจะหดตัวลงในไตรมาสแรก และหลังจากนั้นจะดีดตัวขึ้นอย่างมาก และผลกระทบอาจรุนแรงขึ้น หากการแพร่ระบาดยังคงเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง
ต่อคำถามที่ว่า การระบาดของไวรัสโควิด-19 ทำให้ต้องเปลี่ยนแปลงข้อตกลงการค้าเฟสแรกที่ทำไว้กับจีนหรือไม่นั้น เจ้าหน้าที่ดังกล่าวระบุว่า ในขั้นต้นนั้น สหรัฐยังไม่คาดว่าจะมีการเปลี่ยนแปลงการบังคับใช้ข้อตกลงการค้าเฟสแรก สหรัฐยังคงคาดว่าจีนจะปฏิบัติตามข้อตกลง แต่ขึ้นอยู่กับระยะเวลาเท่านั้น
ทั้งนี้ ภายใต้ข้อตกลงการค้าเฟสแรกที่มีผลบังคับใช้ในเดือนนี้นั้น จีนยืนยันที่จะเพิ่มการซื้อสินค้าสหรัฐอีก 7.7 หมื่นล้านดอลลาร์ในปี 2563 และอีก 1.23 แสนล้านดอลลาร์ในปี 2564 เมื่อเทียบกับมูลค่าการนำเข้าสินค้าสหรัฐในปี 2560 ซึ่งเป็นปีก่อนหน้าที่สหรัฐและจีนจะเริ่มทำสงครามปรับขึ้นภาษีนำเข้าสินค้าระหว่างกัน
บรรดาผู้เชี่ยวชาญไม่แน่ใจว่า จีนจะสามารถทำตามข้อตกลงในการซื้อสินค้าสหรัฐจำนวนมาก ขณะที่เผชิญกับการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 ทั่วประเทศ แต่หนังสือพิม์โกลบอล ไทมส์ซึ่งมักเป็นกระบอกเสียงให้กับรัฐบาลจีนรายงานเมื่อวานนี้ว่า จีนมีแนวโน้มที่จะซื้อก๊าซ LNG ของสหรัฐปริมาณ 10 ล้านตัน แม้จะมีปริมาณก๊าซล้นตลาดแล้วก็ตาม
สื่อต่างประเทศรายงานว่า นายสตีเวน มนูชิน รมว.คลังสหรัฐจะหารือเรื่องผลกระทบทางเศรษฐกิจจากโรคระบาดดังกล่าว ร่วมกับเจ้าหน้าที่ระดับสูงของกระทรวงการคลังและเจ้าหน้าที่ธนาคารกลางจากประเทศกลุ่ม G20 ที่กรุงริยาดห์ของซาอุดิอาระเบียในวันเสาร์และอาทิตย์นี้
ส่วนจีนเปิดเผยเมื่อวันพุธที่ผ่านมาว่า จะไม่ส่งเจ้าหน้าที่เข้าร่วมการประชุมดังกล่าว อันเนื่องมาจากการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19
โดย สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (21 ก.พ. 63)
Tags: ข้อตกลงการค้า, สหรัฐ, ไวรัสโควิด-19