นางสาวโศภชา ดำรงปิยวุฒิ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บมจ.กันกุลเอ็นจิเนียริ่ง (GUNKUL) เปิดเผยว่า บริษัทตั้งเป้ารายได้ปี 64-65 จะเติบโตเฉลี่ยไม่ต่ำกว่า 10-15% ต่อปี โดยได้รับปัจจัยหนุนจากการรับรู้รายได้จากการเข้าซื้อโครงการใหม่ คือ โครงการโรงไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์ กำลังการผลิตรวม 50 เมกะวัตต์ (MW) ณ เมือง Hue ประเทศเวียดนาม ที่จะสามารถจ่ายไฟฟ้าเชิงพาณิชย์ (COD) ได้ในวันที่ 15 ธ.ค. นี้ และโครงการโรงไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์ กำลังการผลิตรวม 29.99 เมกะวัตต์ ณ เมืองกัวลาเตอเริงกานู ประเทศมาเลเซีย จะสามารถ COD ได้ในวันที่ 18 ธ.ค.
ในขณะเดียวกันบริษัทยังอยู่ระหว่างการดำเนินโครงการผลิตไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์บนหลังคา ในรูปแบบของสัญญาซื้อขายไฟฟ้าระหว่างหน่วยงานเอกชนกับเอกชน (Private PPA) กำลังการผลิต 50 เมกะวัตต์ ที่คาดว่าจะแล้วเสร็จในปี 64 ทั้งหมด พร้อมกันนี้ยังอยู่ระหว่างรอลุ้นการเข้าซื้อโครงการโรงไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์อีก 1 โครงการ ในประเทศเวียดนาม กำลังการผลิต 50 เมกะวัตต์ด้วย คาดว่าจะสามารถปิดดีลได้ภายในช่วงปลายปีนี้
นอกจากนี้บริษัทยังมีงานก่อสร้างในมือ (Backlog) ราว 8,000 ล้านบาท ซึ่งคาดว่าจะทยอยรับรู้รายได้ในช่วงปลายปีนี้ 800 ล้านบาท และในปี 64 อีกราว 2,000-2,400 ล้านบาท ส่วนที่เหลือจะทยอยรับรู้รายได้ต่อเนื่องในปีถัด ๆ ไป โดยบริษัทคาดว่าจะยังมีงานก่อสร้างที่จะเข้าไปรับงานอีกจำนวนมาก ซึ่งจะช่วยหนุนการเติบโตของงานก่อสร้างให้เติบโตต่อในปีหน้าด้วย
สำหรับทิศทางผลประกอบการในช่วงไตรมาส 4/63 คาดว่าจะสามารถเติบโตได้อย่างต่อเนื่อง โดยได้รับปัจจัยหนุนหลักจากโครงการโรงไฟฟ้าพลังงานลมกำลังการผลิต 170 เมกะวัตต์ ที่เข้าช่วงไฮซีซั่นและจะสามารถผลิตไฟฟ้าได้มากขึ้น ขณะที่โครงการอื่น ๆ ก็ยังสามารถผลิตไฟฟ้าได้ดี และงานก่อสร้างที่สามารถรับรู้รายได้เข้ามาอย่างต่อเนื่อง ทำให้คาดว่าทั้งปีนี้จะมีรายได้ที่ 8,200 ล้านบาท
โดย สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (02 ธ.ค. 63)
Tags: GUNKUL, กันกุลเอ็นจิเนียริ่ง, หุ้นไทย, โรงไฟฟ้า, โรงไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์, โศภชา ดำรงปิยวุฒิ์