กระทรวงสาธารณสุข แถลงว่า พบหญิงไทยผู้ติดเชื้อโควิดจากเมียนมาเพิ่มอีก 6 คน ซึ่งเป็นผู้ที่ลักลอบเดินทางกลับเข้าประเทศไทยทางช่องทางธรรมชาติ ทั้งหมดเป็นผู้ที่เดินทางไปเที่ยวหรือทำงานสถานบันเทิงในท่าขี้เหล็กของเมียนมาที่เป็นชายแดนติดกับ อ.แม่สาย จ.เชียงราย เช่นเดียวกับผู้ติดเชื้อที่พบก่อนหน้านี้ 4 ราย แต่พบว่าครึ่งหนึ่งไม่มีอาการ
จากการสอบสวนโรคพบว่าหลังจากเดินทางกลับเข้ามาในประเทศแล้วบุคคลกลุ่มดังกล่าวได้เดินทางไปในหลายสถานที่ ซึ่งขณะนี้อยู่ใน จ.เชียงใหม่ พะเยา พิจิตร กทม.และ ราชบุรี โดยใช้บริการรถสาธารณะ โดยสารเครื่องบิน และไปเที่ยวสถานบันเทิง ขณะที่ไม่ได้ใส่หน้ากากอนามัยตลอดเวลา อย่างไรก็ตาม ล่าสุดการติดตามกลุ่มดังกล่าวยังไม่พบการนำเชื้อไปติดยังผู้อื่น จึงยังไม่พบการแพร่กระจายในประเทศ
นพ.โสภณ เอี่ยมศิริถาวร ผู้อำนวยการกองโรคติดต่อทั่วไป กรมควบคุมโรค ชี้แจงถึงไทม์ไลน์ของผู้ป่วยใหม่ทั้ง 6 ราย ประกอบด้วย
รายแรก เป็นหญิงไทยอายุ 28 ปี ภูมิลำเนาอยู่ที่ จ.พะเยา ทำงานที่สถานบันเทิงในประเทศเมียนมา และเดินทางกลับประเทศไทย เมื่อวันที่ 27 พ.ย. โดยเส้นทางธรรมชาติกับชาวเมียนมา 1 คน โดยรถจักรยานยนต์มาที่ขนส่งแม่สาย จากนั้นจ้างรถแท็กซี่แดง-ขาวไปหน้า Big C เชียงราย]
- วันที่ 28 พ.ย. ช่วงเช้าเพื่อนมารับ และเหมาแท็กซี่แดง-ขาวมาที่ตัวเมืองเชียงราย (สวมหน้ากากทั้งคู่) และพักห้องเช่าของเพื่อน ตึกแถวหลัง BigC เชียงราย ช่วงค่ำออกไปซื้ออาหารเย็นที่ร้านค้าในตัวเมืองมากินที่ห้อง
- วันที่ 29 พ.ย. ช่วงเช้า-บ่ายไม่ได้ออกจากที่พัก ส่วนช่วงเย็นแฟนขับรถส่วนตัวจากจ.พะเยา มารับไปเที่ยวงานสิงห์ปาร์ค โดยนั่งรถสองแถวเข้างาน นั่งโต๊ะบริเวณลานเบียร์ เดินซื้ออาหารและเบียร์ ไม่ได้เข้าไปบริเวณหน้าเวที (สวมหน้ากากตลอด ยกเว้นช่วงดื่มเบียร์) จากนั้นกลับห้องเช่าของเพื่อน นั่งดื่มเบียร์ต่อ และออกไปพักโรงแรม Hop Inn ในตัวเมือง
- วันที่ 30 พ.ย. เช็คเอ้าท์จากโรงแรมในช่วงเที่ยง และไปทานอาหารกลางวัน ที่ร้านอาหารระหว่างทาง และ 7-11 ปตท. แม่สรวย เดินทางไปจ.เชียงใหม่ โดยใช้เส้นทางเชียงราย-เวียงป่าเป้า-แม่ขะจาน เมื่อถึงจ.เชียงใหม่ เข้ารับการตรวจเชื้อ รพ.เอกชน และเดินทางกลับจ.พะเยา ด้วยรถส่วนตัวกับแฟน แวะปั๊ม ปตท.แม่ขะจาน เข้าห้องน้ำ และเข้ารับการรักษา รพ.พะเยา เวลา 24.00 น.
- วันที่ 1 ธ.ค. ได้รับแจ้งจากรพ.เอกชน จ.เชียงใหม่ ผลตรวจพบเชื้อ
รายที่ 2 เป็นหญิงไทย อายุ 21 ปี ภูมิลำเนาอยู่ที่ กทม.
- วันที่ 17-27 พ.ย. ไปเที่ยวโรงแรม 1G1 ที่ท่าขี้เหล็ก ประเทศเมียนมา พร้อมกับเพื่อนสนิทที่อาศัยอยู่ใน จ.พิจิตร
- วันที่ 28 พ.ย. เดินทางเข้าประเทศไทย ผ่านช่องทางธรรมชาติ อ.แม่สาย จ.เชียงราย มีรถมอเตอร์ไซด์รับจ้างมารับส่งที่โรงแรมที่พัก ต่อมาเริ่มมีไข้ เจ็บคอ น้ำมูก เรียกรถ Grab ไปส่งสนามบินเชียงราย ขึ้นเครื่องบินไฟล์ท DD8717 ลงสนามบินดอนเมือง และนั่งแท็กซี่จากสนามบินกลับที่พัก
- วันที่ 29 พ.ย. ไปตรวจที่คลินิกแพทย์ ได้รับคำแนะนำให้ไป รพ. โดยนั่งรถส่วนตัวไป รพ.เอกชนกับแฟน ผลตรวจพบเชื้อ
รายที่ 3 เป็นหญิงไทย อายุ 25 ปี ภูมิลำเนาอยู่ที่ จ.พิจิตร
- วันที่ 17-27 พ.ย. ไปเที่ยวประเทสเมียนมา พร้อมเพื่อนสนิทที่อาศัยอยู่กทม.
- วันที่ 28 พ.ย. เดินทางเข้าประเทศไทย ผ่านช่องทางธรรมชาติ อ.แม่สาย จ.เชียงราย มีรถมอเตอร์ไซด์รับจ้างมารับส่งที่โรงแรมที่พัก ต่อมาเริ่มมีไข้ เจ็บคอ น้ำมูก เรียกรถ Grab ไปส่งสนามบินเชียงราย ขึ้นเครื่องบินไฟล์ท DD8717 ลงสนามบินดอนเมือง และต่อเครื่องไปลงสนามบินจ.พิษณุโลก มีเพื่อนมารับที่สนามบิน และเดินทางกลับจ.พิจิตร โดยพักอาศัยกับเพื่อนที่มารับ และไปทานร้านอาหาร Bird Bar กับเพื่อน 4 คน โดยไม่สวมหน้ากากอนามัย
- วันที่ 29 พ.ย. ช่วงเช้ากินก๋วยเตี๋ยวที่หน้าปากซอยหอพัก ช่วงเย็นไปร้าน Bird Bar ต่อด้วยร้าน Crocodile Rock Pub
- วันที่ 30 พ.ย. ทำเล็บ สั่ง Grab มาทานมื้อกลางวัน ช่วงเย็นไปร้าน Bird Bar ต่อด้วยร้าน Crocodile Rock Pub
- วันที่ 1 ธ.ค. สำนักงานสาธารณสุขจังหวัดพิจิตร เก็บตัวอย่างส่งตรวจ ผลตรวจพบเชื้อ นำไปกักกันที่ Local Quarantine
รายที่ 4 หญิงไทย อายุ 36 ปี ภูมิลำเนาอยู่ที่ จ.ราชบุรี
- วันที่ 3-28 พ.ย. อยู่ประเทศเมียนมา และไปเที่ยวสถานบันเทิง 1G1 ในช่วงวันที่ 23-24 พ.ย. และในงานพบกับเคสที่มีผลการตรวจพบเชื้อ ให้ประวัติว่าอยู่คนละกลุ่มและคนละห้อง แต่สังเกตุว่าเพื่อนร่วมห้อง 1 คนเริ่มมีอาการไข้ หนาวสั่น ไอ มีน้ำมูก จากนั้นในวันที่ 26 พ.ย.เริ่มไอ มีน้ำมูก เจ็บคอ ปวดกล้ามเนื้อ จึงซื้อยากินเอง
- วันที่ 28 พ.ย. เดินทางกลับไทย โดยช่องทางธรรมชาติ โดยมีชาวเมียนมาเป็นผู้นำทาง เดินทางไปสนามบินเชียงให่ด้วยรถยนต์ของเพื่อน พร้อมแฟนเพื่อน ทั้งคู่ไม่สวมหน้ากาก จากนั้นนั่งเครื่องบินจากเชียงใหม่ สายการบินไทย ไลอ้อน แอร์ เที่ยวบินเวลา 10.40 น. ถึงดอนเมือง ใช้บริการแท็กซี่ไปสถานีขนส่งหมอชิต จากนั้นนั่งรถตู้ไป BigC ราชบุรี นั่งรถจักรยานยนต์รับจ้างหน้า BigC ไปตรวจที่รพ.เอกชน
- วันที่ 1 ธ.ค. เพื่อนไปที่ร่วมงานเลี้ยงด้วยกัน ผลตรวจพบเชื้อ แพทย์จึงส่งตรวจหาเชื้อ โดยถูกส่งต่อไปยัง รพ.ราชบุรี
- วันที่ 2 ธ.ค. ผลตรวจติดเชื้อ
อีก 2 ราย ที่เชียงใหม่ เป็นหญิงไทย อายุ 23 และ 25 ปี เกิดจาการที่มีข่าวการพบผู้ติดเชื้อในสถานที่ทำงานเดียวกัน ไม่มีอาการ โดยเดินทางเข้าไทยวันที่ 26 พ.ย. และเข้าพักบ้านเพื่อนที่ อ.แม่สาย จ.เชียงราย จากนั้นเดินทางจากอ.แม่สาย กลับมาที่พัก ให้ประงัติว่าอยู่ในที่พัก และทราบข่าวมีเพื่อนติดเชื้อ จึงเข้ารับการตรวจวันที่ 30 พ.ย. ต่อมาวันที่ 1 ธ.ค. ทราบผลว่าติดเชื้อ อยู่ในการดูแลที่รพ.นครพิงค์ จ.เชียงใหม่ และเพื่อนคนที่ 3 ที่เดินทางมาด้วยกันไม่ติดเชื้อ แต่อยู่ในการกักกันโรค ทั้ง 3 รายนี้อยู่ระหว่างเก็บข้อมูลเพิ่มเติม
นพ.โสภณ ปฏิเสธข่าวลือว่ามีผู้ป่วยโควิด-19 มีอาการหนักถึง 5 รายว่า ในขณะนี้เวลานี้ ยังไม่มีผู้ติดเชื้อที่มีมีอาการหนัก เพราะเข้าตรวจวินิจฉัยและรักษาได้เร็ว อีกทั้งยังอยู่ในวัยทำงานแข็งแรง และไม่มีโรคประจำตัว
ด้าน นพ.ธงชัย กีรติหัตถยากร รองปลัดกระทรวงสาธารณสุข กล่าวยืนยันว่า ขณะนี้ยังไม่มีติดเชื้อในประเทศ โดยเป็นการนำเข้ามาจากต่างประเทศ และขอให้ประชาชนมั่นใจระบการควบคุมโรคของกระทรวงสาธารณสุข
“มั่นใจว่าไม่เกิดการระบาดเหมือนตอนต้นปี เพราะวันนี้เรามีความพร้อม”
อย่างไรก็ตามขอความร่วมมือในการเฝ้าระวังการเดินทางเข้าประเทศตามแนวชายแดน เพราะขณะนี้พบคนไทยที่ลักลอบเข้ามาดังนั้นเฝ้าระวังไม่ใช่เฉพาะชาวต่างชาติ แต่คนไทยด้วยต้องเฝ้าระวังด้วยว่าเข้ามาถูกต้องตามกฎหมายหรือไม่และมีการกักกัน 14 วันหรือยัง ทุกคนต้องให้ความร่วมมือ และหากลักลอบเข้ามาจะผิดกฎหมายถึง 3 ฉบับด้วยกัน คือ เข้าเมืองผิดกฎหมาย ผิดพ.ร.บ.โรคติดต่อ และ พ.ร.ก.ฉุกเฉินฯ
“ขอฝากเพราะนี่คือความรับผิดชอบต่อสังคม และประเทศชาติ”
นพ.ธงชัย กล่าว
โดย สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (2 ธ.ค. 63)
Tags: COVID-19, กระทรวงสาธารณสุข, พะเยา, พิจิตร, ราชบุรี, เชียงใหม่, โควิด-19