ดร.มอนเซฟ สลาอุย หัวหน้าโครงการ Operation Warp Speed ซึ่งเป็นโครงการที่มีเป้าหมายให้ชาวสหรัฐได้ฉีดวัคซีนต้านโรคโควิด-19 ภายในสิ้นปีนี้นั้นเปิดเผยว่า วัคซีนต้านโรคโควิด-19 ของไฟเซอร์และโมเดอร์นานั้นมีความปลอดภัย โดยไม่ได้พบผลข้างเคียงที่สังเกตได้ในบรรดาอาสาสมัครส่วนใหญ่ ขณะที่มีอาสาสมัครเพียง 10-15% เท่านั้นที่รายงานผลข้างเคียงที่สามารถสังเกตเห็นได้อย่างชัดเจน
ผู้ที่ได้รับผลข้างเคียงจากการฉีดวัคซีนโควิด-19 รายงานว่า เกิดรอยแดงและอาการปวดบริเวณที่ฉีดวัคซีน รวมถึงมีไข้ รู้สึกหนาวสั่น ปวดกล้ามเนื้อ และปวดศีรษะ
ส่วนทั้งไฟเซอร์และโมเดอร์นาต่างก็ยอมรับว่า วัคซีนของบริษัทอาจมีผลข้างเคียงที่คล้ายกับอาการของโรคโควิด-19 ที่ไม่รุนแรง เช่น อาการปวดกล้ามเนื้อ หนาวสั่น และปวดศีรษะ
ดร.สลาอุยแสดงความเห็นดังกล่าวหลังจากเมื่อไม่กี่วันที่ผ่านมา โมเดอร์นาและไฟเซอร์ได้ยื่นเรื่องต่อสำนักงานอาหารและยา (FDA) ของสหรัฐ เพื่อขออนุมัติการใช้วัคซีนต้านโรคโควิด-19 เป็นกรณีฉุกเฉิน โดยวัคซีนของทั้งสองบริษัทมีประสิทธิภาพในการป้องกันโควิดสูงกว่า 90% ตามข้อมูลขั้นต้นจากการทดลองทางคลินิก
รองประธานาธิบดีไมค์ เพนซ์ เปิดเผยระหว่างการหารือทางโทรศัพท์กับผู้ว่าการรัฐต่างๆ เมื่อวันจันทร์ว่า กระบวนการแจกจ่ายวัคซีนอาจเริ่มขึ้นในสัปดาห์ที่ 3 ของเดือนธ.ค. ซึ่งเป็นสัญญาณบ่งชี้ว่า หน่วยงานกำกับดูแลด้านกฎระเบียบของสหรัฐจะเร่งอนุมัติอย่างรวดเร็วให้มีการฉีดวัคซีนครั้งแรกเป็นกรณีฉุกเฉิน
“เรามั่นใจว่า การกระจายวัคซีนจะเริ่มต้นขึ้นในสัปดาห์ซึ่งตรงกับวันที่ 14 ธ.ค. ชาวอเมริกันควรที่จะได้ทราบถึงความช่วยเหลือที่กำลังจะได้รับ” ข้อมูลสรุปการหารือทางโทรศัพท์จากที่ว่าการรัฐวอชิงตันอ้างถึงคำพูดของรองปธน.เพนซ์ที่กล่าวกับบรรดาผู้ว่าการรัฐ
ทั้งนี้ ศูนย์ควบคุมและป้องกันโรคแห่งสหรัฐ (CDC) จะประชุมกันในวันอังคารตามเวลาสหรัฐเพื่อตัดสินว่าจะให้วัคซีนกับประชาชนกลุ่มใดก่อน ทันทีที่วัคซีนได้รับการอนุมัติให้ใช้จริง
โดย สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (02 ธ.ค. 63)
Tags: มอนเซฟ สลาอุย, วัคซีนต้านโควิด-19, โมเดอร์นา, ไฟเซอร์