นายอภิชาติ ผู้บรรเจิดกุล ผู้อำนวยการอาวุโส สายงานวิเคราะห์เชิงกลยุทธ์ บล.ทิสโก้ เปิดเผยว่า ในช่วง 2-3 เดือนข้างหน้าตลาดหุ้นไทยมีโอกาสปรับขึ้นอีก โดยคาดว่านักลงทุนต่างชาติมีโอกาสซื้อสุทธิอีก 4-5 หมื่นล้านบาท ซึ่งจากการศึกษาความเคลื่อนไหวของ SET Index และทิศทางการลงทุนของนักลงทุนต่างชาติพบว่าเม็ดเงินต่างชาติที่ไหลเข้าและไหลออกทุก ๆ 1 หมื่นล้านบาท จะมีผลให้ SET Index เปลี่ยนแปลงขึ้น หรือลงราว 29 จุด เพราะฉะนั้น หากเม็ดเงินต่างชาติไหลเข้าตามที่ประเมินไว้ มีโอกาสจะได้เห็น SET Index ที่ระดับ 1,520-1,540 ในช่วงเวลา 2-3 เดือนข้างหน้า
สำหรับช่วงที่ผ่านมาตลาดหุ้นไทยปรับตัวเพิ่มขึ้นแบบ “พลิกหน้ามือเป็นหลังมือ” เพราะได้รับปัจจัยบวก 2 ประเด็นคือ 1.นายโจ ไบเดน จากพรรคเดโมแครต ชนะการเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐ ตามที่ประเมินไว้ ซึ่งนโยบายของนายไบเดน คาดจะเป็นผลดีต่อการค้า รวมถึงเศรษฐกิจโลก 2. ความคืบหน้าของวัคซีนป้องกันโควิด-19 ใกล้ความจริงมากขึ้น และผลการทดลองมีประสิทธิภาพป้องกันโควิด-19 ได้สูงกว่า 90% โดยหากการคิดค้นวัคซีนสำเร็จจะทำให้การส่งออกและการท่องเที่ยวกลับมาฟื้นตัว ซึ่งไทยเป็นหนึ่งในประเทศที่จะได้รับประโยชน์จากประเด็นดังกล่าว
“จากสองปัจจัยข้างต้นหนุนให้กระแสเงินทุนต่างประเทศไหลเข้าไทย และนักลงทุนต่างชาติพลิกกลับมาซื้อสุทธิเป็นครั้งแรกในรอบ 16 เดือน ส่งผลให้ดัชนีหุ้นไทย (SET Index) วิ่งขึ้น 4 สัปดาห์ติดต่อกันตลอดทั้งเดือน พ.ย. และดัชนีหุ้นไทยปรับขึ้นกว่า 200 จุด ทะลุระดับ 1,400 จุดไปได้ ซึ่งดัชนีดังกล่าวดีกว่าที่ บล.ทิสโก้ประเมินไว้ว่าดัชนีสิ้นปีจะอยู่ที่ 1,370 จุด”นายอภิชาติ กล่าว
นายอภิชาติ กล่าวว่า แม้ตลาดหุ้นไทยยังได้อานิสงส์จากแนวโน้มกระแสเงินทุนไหลเข้า แต่ระหว่างทางมีโอกาสสูงที่จะเกิดการพักฐานในระยะสั้น เนื่องจาก SET Index ณ ปัจจุบันที่ขึ้นมาอยู่ที่บริเวณ 1,410 จุด ส่งผลให้ราคาหุ้นเริ่มแพงเมื่อเทียบกับภูมิภาคอีกครั้ง โดยปัจจุบันหุ้นไทยมีระดับ Fwd. PER ปี 64 สูงกว่า 18 เท่า ขณะที่ Forward PER ของตลาดหุ้นภูมิภาคนี้ (MSCI Asia ex. JP) ที่อยู่ที่ 15.4 เท่า
นอกจากนี้ ทางปัจจัยเทคนิคยังเกิดสัญญาณเชิงลบด้วย ทั้งภาวะ “Overbought” และ “Negative Divergence” เพราะฉะนั้น จึงแนะนำนักลงทุนไม่ต้องรีบร้อนไล่ซื้อ แต่ควรรอให้ตลาดปรับฐานลงมาก่อน และต้องเลือกลงทุนหุ้นเป็นรายตัวมากขึ้น
สำหรับหุ้นที่น่าสนใจในเดือน ธ.ค. นี้ นอกจากจะเป็นหุ้นขนาดใหญ่แล้ว ควรเลือกหุ้นที่มีคุณสมบัติ 3 ประการ คือ 1. “Underperform” โดยราคาหุ้นในปีนี้ต้องปรับตัวลงมามากกว่า SET Index ที่ปรับลง 10% และปัจจุบันยังขึ้นน้อยอยู่ 2. “Underowned” คือหุ้นที่ต่างชาติลดสัดส่วนการถือครองหุ้นลงมากจากปีที่แล้วและปัจจุบันยังคงถือครองหุ้นต่ำกว่าค่าเฉลี่ยของปีนี้ 3. “Undervalued” หุ้นที่ราคาปัจจุบันยังมีโอกาสปรับขึ้นหากเทียบกับมูลค่าที่เหมาะสมที่ บล.ทิสโก้ประเมิน
นอกจากนี้ ควรเป็นหุ้นที่คาดจะมีปัจจัยบวกสนับสนุนเฉพาะตัว เช่น BAM, BJC, CPN, SCC และ STEC และ/หรือ หุ้นที่มีการจ่ายปันผลดี เช่น KKP, RATCH และ TVO
ดังนั้น หุ้นเด่นเดือน ธ.ค. คือ BAM, BJC, CPN, KKP, RATCH, SCC, STEC และ TVO สำหรับแนวรับ และแนวต้านสำคัญของ SET Index เดือนนี้อยู่ที่ 1,390-1,400, 1,365-1,370 และ 1,450, 1,480 จุด ตามลำดับ
โดย สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (2 ธ.ค. 63)
Tags: SET, SET Index, ตลาดหุ้นไทย, ทิสโก้, หุ้นไทย, อภิชาติ ผู้บรรเจิดกุล