เชียงรายป่วนหลังพบสาวพะเยาติดโควิดมีประวัติไปเที่ยวเทศกาลดนตรีสิงห์ปาร์ค

สำนักงานสาธารณสุข จ.เชียงราย เปิดเผยว่า พบหญิงไทยวัย 28 ปี ชาวจังหวัดพะเยา ที่ทำงานอยู่ในฝั่งเมียนมาลักลอบเดินทางกลับเข้ามาในประเทศแล้วไปเที่ยวงาน “ฟาร์มเฟสติวัล ออนเดอะฮิล 2020 ที่ “สิงห์ปาร์คเชียงราย” ซึ่งจัดขึ้นในวันอาทิตย์ที่ 29 พ.ย.63 จากนั้นเดินทางกลับบ้านเกิดแล้วไปตรวจหาเชื้อพบว่าติดโควิด-19

รายงานในเบื้องต้นพบว่า หญิงรายดังกล่าวเดินทางกลับมาด้วยเส้นทางธรรมชาติเข้ามาที่ จ.เชียงรายในวันที่ 29 พ.ย.พร้อมกับชาวเมียนมาอีก 1 คน จากนั้นเดินทางด้วยรถจักรยานยนต์และรถแท็กซี่เข้ามาที่ อ.เมือง จ.เชียงราย ก่อนที่แฟนจะมารับด้วยรถยนต์ส่วนตัวไปเที่ยวงานฟาร์มเฟสติวัล จากนั้นกลับเข้ามาพักที่โรงแรมใน อ.เมือง จ.เชียงราย

วันรุ่งขึ้นเดินทางต่อไปยัง จ.เชียงใหม่ และเข้ารับการตรวจหาเชื้อโควิด ก่อนจะเดินทางกลับบ้านเกิดที่ จ.พะเยา และเข้ารับการรักษาที่ โรงพยาบาลที่ จ.พะเยา จากนั้นในวัน 1 ธ.ค.ได้รับการยืนยันจากโรงพยาบาลใน จ.เชียงใหม่ว่าติดเชื้อโควิด

วันนี้โรงเรียนใน อ.เมือง จ.เชียงราย ประกาศหยุดเรียนในวันนี้ และอีกหลายโรงเรียนได้เลื่อนการเปิดเรียนภาคการศึกษาที่สองออกไป หลังจากมีรายงานดังกล่าว โดยโรงเรียนสามัคคีวิทยาคมออกประกาศว่ามีคณะครู บุคลากร และนักเรียนจำนวนหนึ่งเข้าร่วมงานเทศกาลดนตรีดังกล่าว ซึ่งอาจก่อให้เกิดการแพร่ระบาดของโรคได้ จึงให้หยุดพักปฎิบัติงานและการเรียนในวันนี้เพื่อเฝ้าระวังและป้องกันการแพร่ระบาดของโรค และโรงเรียนมานิตวิทยา ได้ออกประกาศหยุดเรียนตั้งแต่วันที่ 2-6 ธ.ค.เพื่อความปลอดภัยของนักเรียน ผู้ปกครอง และคณะครู

ขณะที่บริษัท บุญรอดบริวเวอรี่ จำกัด ออกประกาศให้พนักงานที่ไปร่วมงานฟาร์มเฟสฯ กักตัวทำงานที่บ้านเป็นเวลา 14 วัน

ด้านจังหวัดเชียงรายได้ออกประกาศให้คนไทยที่ทำงานอยู่ในฝั่งเมียนมาเดินทางกลับเข้ามาได้โดยไม่ต้องถูกดำเนินคดี เพื่อให้เข้าสู่ระบบการตรวจหาเชื้อโควิดและกักตัว 14 ตามมาตรการด้านสาธารณสุข ซึ่งขณะนี้เริ่มมีผู้มาลงทะเบียนแล้ว จากปัจจุบันที่มีคนไทยที่ยังทำงานอยู่ในฝั่งเมียนมาราว 50-100 คน

ทั้งนี้ในเวลา 13.00 น.วันนี้กระทรวงสาธารณสุขมีกำหนดแถลงสถานการณ์โรคติดเชื้อไวรัสโควิด-19 โดย นพ.โสภณ เอี่ยมศิริถาวร ผู้อำนวยการกองโรคติดต่อทั่วไป กรมควบคุมโรค จะชี้แจงความคืบหน้าผู้ติดเชื้อกรณีลักลอบเข้าเมืองใน จ.เชียงใหม่ และ เชียงราย

โดย สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (2 ธ.ค. 63)

Tags: , , , ,
Back to Top