นายสุพจน์ สิริกุลภัสสร์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บมจ.เจเอเอส แอสเซ็ท (J) เปิดเผยว่า แนวโน้มผลการดำเนินงานในปี 64 คาดว่ากำไรจะยังทำสถิติสูงสุดใหม่ (New High) ต่อเนื่องจากปี 63 โดยมีปัจจัยมาจากรายได้ค่าเช่าของโครงการคอมมูนิตี้มอลล์ที่เปิดให้บริการอยู่ 4 แห่งเข้ามาอย่างต่อเนื่อง และมีรายได้จากโครงการใหม่ คือ JAS GREEN VILLAGE คู้บอนที่จะมีรายได้เข้ามาเสริมเข้ามาตั้งแต่ปีหน้าเป็นต้นไป
นอกจากนั้น ยังมีการโอนโครงการคอนโดมิเนียมที่เหลือขายอีก 25% เข้ามาในปีหน้า ซึ่งบริษัทตั้งเป้าปิดการขายโครงการคอนโดมิเนียมในช่วงต้นปี 64 และจะเริ่มมีรายได้จากการเปิดให้บริการศูนย์ดูแลผู้สูงอายุแบบรายวันในคอมมูนิตี้มอลล์ของบริษัทเข้ามาหนุนผลงานเพิ่มเติม
ขณะที่การผลักดันกำไรของบริษัทมาจากการปรับลดค่าใช้จ่ายในการดำเนินงานที่ลดลงอย่างมีนัยสำคัญจากผลกระทบของโควิด-19 ในช่วงที่ผ่านมา ทำให้บริษัทได้หันมาบริหารจัดการต้นทุนให้มีประสิทธิภาพและรัดกุมมากขึ้น ทำให้ค่าใช้จ่ายต่างๆ ลดลงไปอย่างมาก จากเดิมที่บริษัทมีค่าใช้จ่ายต่อปีในระดับสูง จึงเป็นผลบวกต่อผลการดำเนินงานอย่างชัดเจนตั้งแต่ปีนี้และจะมีผลต่อเนื่องไปถึงปี 64 ซึ่งเป้าหมายของบริษัทจะเน้นการทำกำไรที่ดีมากกว่าการเติบโตของรายได้
นายสุพจน์ กล่าวอีกว่า ในปี 64 บริษัทตั้งงบลงทุนรวม 500-800 ล้านบาท แบ่งเป็นการพัฒนาโครงการคอนโดมิเนียมใหม่ 1 โครงการ มูลค่า 500 ล้านบาท โดยจะซื้อที่ดินราว 100 ล้านบาท และจะใช้สำหรับการก่อสร้างโครงการ JAS GREEN VILLAGE คู้บอนในส่วนที่เหลือให้แล้วเสร็จพร้อมเปิดให้บริการราว 250 ล้านบาท
รวมทั้งใช้เป็นเงินลงทุนสำหรับการพัฒนาโครงการผู้สูงอายุใน 2 ส่วน ได้แก่ ศูนย์ดูแลผู้สูงอายุรายวันในโครงการคอมมูนิตี้มอลล์ที่รามอินทรา และศรีนครินทร์ สามารถรองรับการให้บริการดูแลผู้สูงอายุได้ 50 คน/วัน/แห่ง เพื่อทดลองตลาดก่อนลงทุนพัฒนาที่อยู่อาศัยสำหรับผู้สูงอายุในพื้นที่ด้านหลังโครงการ JAS GREEN VILLAGE คู้บอน จำนวน 80 ยูนิต ซึ่งจะเปิดให้ลูกค้าจองในช่วงไตรมาส 1/64 ใช้เงินลงทุนราว 100 ล้านบาท และยังมีเงินลงทุนในส่วนของการปรับปรุงพื้นที่คอมมูนิตี้มอลล์บางโครงการในปีหน้าด้วย
“การลงทุนโครงการผู้สูงอายุของบริษัทถือว่าเป็นโอกาสที่จะตอบสนองความต้องการของคนในยุคนี้ แต่เราจะเน้นไปที่การให้บริการ การมีตัวเลือกในการใช้ชีวิตของผู้สูงอายุเป็นหลัก เพราะเราเจาะกลุ่มผู้สูงอายุที่ยังสามารถดูแลตัวเองได้ และยังรักความสนุกสนานในกทนใช้ชีวิต แต่ลูกอาจจะทำงานและไม่มีเวลา เราก็นำบริการเข้ามาตอบโจทย์ตรงนี้ ซึ่งเน้นทั้งลูกค้าชาวไทยและชาวต่างชาติ ก่อนหน้านี้เราก็เคยจะร่วมทุนกับพันธมิตรญี่ปุ่นหลังจากเราไปดูโครงการผู้สูงอายุในญี่ปุ่นมา แต่ก็ยังไม่ได้ค๊ยกันจริงจัง ตอนนี้เราก็มองว่าเราสามารถทำเองได้ เราจึงมางทุนเอง”
นายสุพจน์ กล่าว
พร้อมกันนั้น บริษัทยังคงเดินหน้าลงทุนพัฒนาโครงการคอมมูนิตี้มอลล์แห่งใหม่ต่อเนื่อง โดยวางแผนพัฒนาโครงการใหม่ปีละ 1 โครงการ ซึ่งปัจจุบันอยู่ระหว่างการมองหาที่ดินเช่าย่านรามคำแหงเพื่อพัฒนาโครงการใหม่ 1 แห่งในปี 64 และในอนาคตมีโอกาสะขยายไปในโซน CBD ของกรุงเทพฯเพิ่มเติม
สำหรับเงินลงทุนส่วนหนึ่งจะมาจากการขายสินทรัพย์เข้ากองทรัสต์เพื่อการลงทุนในอสังหาริมทรัพย์ (REIT) คือ การนำโครงการคอมมูนิตี้มอลล์ของบริษัททั้ง 5 แห่ง พื้นที่รวมกว่า 60,000 ตารางเมตร ขายเข้ากองทรัสต์ โดยพิจารณาอยู่ 2 แนวทาง ได้แก่ การขายเข้ากองทรัสต์ที่ดำเนินการอยู่ ซึ่งได้มีการเจรจากับกองทรัสต์เพื่อการลงทุนในสิทธิการเช่าอสังหาริมทรัพย์บัวหลวง เค.อี.รีเทล (BKER) หรือการจัดตั้งกอง REIT ขึ้นมาเอง คาดว่าจะได้ข้อสรุปในช่วงปลายปี 64
อีกทั้งบริษัทจะมีเงินลงทุนส่วนหนึ่งมาจากใบสำคัญแสดงสิทธิ์ (วอร์แรนต์) J-W1 ที่จะให้ผู้ถือหน่วยได้ใช้สิทธิ์ได้ตั้งแต่กลางปี 65 ทำให้บริษัทจะได้รับเพื่อมารองรับการลงทุนราว 300 ล้านบาท หากมีผู้ใช้สิทธิเต็มที่
นายสุพจน์ เปิดเผยอีกว่า การเปิดตัวโครงการ JAS GREEN VILLAGE คู้บอน มูลค่า 300 ล้านบาท พื้นที่เช่า 22,350 ตารางเมตรซึ่งเป็นโครงการคอมมูนิตี้มอลล์แห่งที่ 5 ของบริษัท ถือว่าได้รับการตอบรับดีจากลูกค้าผู้ประกอบการต่างๆที่เข้ามาจองพื้นที่ในโครงการ มียอดจองพื้นที่แล้ว 65% และคาดว่าจะเต็ม 100% ในช่วงต้นปี 65 มีค่าเช่าเฉลี่ย 700-800 บาท/ตารางเมต/เดือน จะเริ่มเปิดให้บริการในโซนด้านหน้าที่เป็นปั้มน้ำมัน ร้านสตาร์บัค และร้านอาหารบางส่วนในช่วงเดือน ธ.ค.นี้ และจะทยอยเปิดให้บริการในส่วนที่เหลือเต็ม 100% ได้ภายในเดือน ต.ค.64
โดย สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (26 พ.ย. 63)
Tags: คอนโดมิเนียม, คอมมูนิตี้มอลล์, สุพจน์ สิริกุลภัสสร์, อสังหาริมทรัพย์, เจเอเอส แอสเซ็ท