นายสมชัย ลิมป์พัฒนสิน ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บมจ.เน็คซ์ แคปปิตอล (NCAP) เปิดเผยว่า ภาพรวมธุรกิจในปี 2563 เป็นปีที่ประสบความสำเร็จในการเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย และเป็นอีกปีที่ท้าทายในการดำเนินธุรกิจภายใต้สถานการณ์การแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19
ซึ่งบริษัทฯ สามารถบริหารจัดการ และยังคงความสามารถในการเติบโต พร้อมประเมินแนวโน้มไตรมาส 4/63 สถานการณ์โควิด-19 มีทิศทางที่ผ่อนคลายลง บริษัทฯก็พร้อมขยายพอร์ตสินเชื่ออย่างรัดกุม เพื่อรองรับความต้องการซื้อรถจักรยานยนต์ ควบคู่การติดตามและทวงถามหนี้อย่างมีประสิทธิภาพต่อไป
ทั้งนี้ ล่าสุดผลประกอบการของบริษัทฯ งวดประจำไตรมาส 3/63 มีกำไรสุทธิอยู่ที่ 68.22 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 35.13 ล้านบาท หรือคิดเป็นการเติบโตร้อยละ 106.17 เมื่อเทียบกับงวดเดียวกันของปีก่อนอยู่ที่ 33.09 ล้านบาท และมีรายได้รวมอยู่ที่ 289.20 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 24.02 ล้านบาท หรือคิดเป็นการเติบโตร้อยละ 9.06 เมื่อเทียบกับงวดเดียวกันของปีก่อนอยู่ที่ 265.18 ล้านบาท
โดยมาจากการเพิ่มขึ้นของรายได้ค่าติดตามทวงถามหนี้และรายได้หนี้สูญได้รับคืน อันเป็นผลมาจากการปรับปรุงกระบวนการติดตามหนี้และทวงถามหนี้ตั้งแต่ช่วงกลางปี 2562 เป็นต้นมา อย่างไรก็ตาม รายได้ดอกเบี้ยจากสัญญาเช่าซื้ออยู่ที่ 214.86 ล้านบาท ลดลง 13.86 ล้านบาท หรือคิดเป็นร้อยละ 6.06 เนื่องจากจำนวนสัญญาเช่าซื้อใหม่ลดลงจากผลกระทบของสถานการณ์การแพร่ระบาดของโควิด-19
สำหรับผลการดำเนินงานสำหรับงวด 9 เดือนแรก ปี 2563 บริษัทมีกำไรสุทธิอยู่ที่ 138.88 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 51.58 ล้านบาท หรือคิดเป็นการเติบโตร้อยละ 59.08 เมื่อเทียบกับงวดเดียวกันของปีก่อนอยู่ที่ 87.30 ล้านบาท และเติบโตกว่าปี 2562 ทั้งปีที่มีกำไรสุทธิอยู่ที่ 126.24 ล้านบาท เป็นที่เรียบร้อยแล้ว ขณะที่รายได้รวมอยู่ที่ 851.09 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 112.42 ล้านบาท หรือคิดเป็นการเติบโตร้อยละ 15.22 เมื่อเทียบกับงวดเดียวกันของปีก่อนอยู่ที่ 738.67 ล้านบาท
ณ 30 กันยายน 2563 บริษัทฯ มีอัตราส่วนสินเชื่อด้อยคุณภาพ (NPL) ในระดับต่ำต่อเนื่องที่ประมาณ 2% และปัจจุบัน บริษัทฯ มีสาขาครอบคลุมทุกภูมิภาคจำนวน 24 สาขา มีตัวแทนจำหน่ายเป็นพันธมิตรราว 600 ราย มีมูลค่าพอร์ตสินเชื่อรวมในปัจจุบันอยู่ที่ประมาณเกือบ 3,700 ล้านบาท
อีกทั้ง บริษัทฯ อยู่ระหว่างขยายฐานลูกค้าทั้งรายเก่าและรายใหม่เพิ่มขึ้น เพื่อขยายพอร์ตไปยังตลาดเช่าซื้อรถจักรยานยนต์ที่กำลังเติบโตภายหลังสถานการณ์โควิด-19 พร้อมกับพัฒนาแพลตฟอร์มเพื่อรองรับการปล่อยสินเชื่อที่หลากหลาย ในปี 2564 มีแผนจะขยายเพิ่มจำนวน 1 แห่ง และในปี 2565 จำนวน 2 แห่ง
“หลังจากเราประสบความสำเร็จในการเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ เมื่อวันที่ 9 พฤศจิกายน 2563 ที่ผ่านมา เราพร้อมนำเงินที่ได้จากการระดมทุนไปใช้สำหรับขยายธุรกิจอย่างคุ้มค่า ในฐานะหนึ่งในผู้นำธุรกิจด้านไฟแนนซ์ และมั่นใจว่า จะสามารถผลักดันให้ NCAP เติบโตอย่างมีคุณภาพในระยะยาว โดยเงินที่ได้จากการระดมทุนเตรียมนำไปใช้เป็นเงินทุนในการลงทุนในระบบสารสนเทศ เพื่อพัฒนาระบบการให้บริการสินเชื่อ และระบบสนับสนุนการทำงานร้อยละ 5 ของเงินที่ได้รับ ชำระคืนเงินกู้ยืมสถาบันการเงิน ร้อยละ 15 ของเงินที่ได้รับ และใช้เป็นเงินทุนหมุนเวียนในการประกอบธุรกิจร้อยละ 80 ของเงินที่ได้รับ”
นายสมชัย กล่าว
โดย สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (25 พ.ย. 63)
Tags: NCAP, ผลประกอบการ, สมชัย ลิมป์พัฒนสิน, หุ้นไทย, เน็คซ์ แคปปิตอล