รัฐบาลมาเลเซียได้สั่งการให้กระทรวงแรงงานดำเนินการอย่างเต็มที่ในการตรวจสอบสภาพการทำงานและการอยู่อาศัยในโรงงานต่างๆ ของบริษัทท็อป โกลฟ ผู้ผลิตถุงมือยางรายใหญ่สุดของโลก หลังพบการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 ในหมู่คนงาน จนทำให้โรงงานของท็อป โกลฟกลายเป็นพื้นที่ที่มีการติดเชื้อแบบกลุ่มก้อนขนาดใหญ่ที่สุดในมาเลเซีย
ข้อมูลจากกระทรวงสาธารณสุขมาเลเซียระบุว่า เฉพาะที่โรงงานและหอพักคนงานของท็อป โกลฟในเมืองเมรู พบการติดเชื้อแบบกลุ่มก้อนจำนวนมากถึง 1,511 ราย จากยอดติดเชื้อโดยทั้งหมด 1,623 รายในรัฐสลังงอร์ในวันอังคารที่ผ่านมา หรือคิดเป็นอัตราส่วนสูงถึง 93.1% ของยอดติดเชื้อทั้งหมดในรัฐ
ดาโต๊ะ เสรี ซาราวานัน รัฐมนตรีทรัพยากรบุคคลของมาเลเซีย เปิดเผยว่า สภาความมั่นคงแห่งชาติของมาเลเซีย (NSC) ได้ตัดสินใจใช้มาตรการเต็มพิกัดเพื่อสกัดกั้นการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 แบบกลุ่มก้อนซึ่งมีแหล่งที่มาจากโรงงานของบริษัทท็อป โกลฟ โดยทางรัฐบาลได้ส่งเจ้าหน้าที่ไปตรวจสอบสภาพการทำงานและการอยู่อาศัยของคนงานในโรงงาน ซึ่งคาดว่าภารกิจครั้งนี้จะแล้วเสร็จภายใน 1 สัปดาห์ และจะดำเนินการทุกอย่างไปตามกฎหมาย
“นี่เป็นเรื่องของชีวิตและความเป็นความตายของคนงานที่กำลังตกอยู่ในความเสี่ยง เราต้องควบคุมเรื่องนี้ให้ได้ และจะไม่มีการประนีประนอม กระทรวงแรงงานจะต้องสร้างความเชื่อมั่นว่า นายจ้างมีความรับผิดชอบต่อสภาพการทำงานและการอยู่อาศัยของคนงาน และเราจะใช้มาตรการที่เด็ดขาดตามกฎหมาย”
ดาโต๊ะ ซาราวานันกล่าว
รัฐบาลมาเลเซียจะทยอยปิดโรงงานของทางบริษัทซึ่งมีทั้งหมด 28 อาคาร หลังพบพนักงานติดเชื้อโควิด-19 จำนวนมาก ซึ่งการสั่งปิดโรงงานได้เพิ่มแรงกดดันให้กับบริษัทท็อป โกลฟ โดยราคาหุ้นของบริษัททรุดตัวลงอย่างหนักในเดือนนี้นับตั้งแต่มีข่าวความคืบหน้าในการพัฒนาวัคซีนต้านโรคโควิด-19
ทั้งนี้ ท็อป โกลฟมีพนักงานกว่า 21,000 รายซึ่งสามารถผลิตถุงมือได้ในปริมาณ 9 หมื่นล้านชิ้นต่อปีในสายการผลิตทั้งหมด 750 แห่ง
โดย สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (25 พ.ย. 63)
Tags: COVID-19, กระทรวงแรงงานมาเลเซีย, ดาโต๊ะ เสรี ซาราวานัน, ท็อป โกลฟ, มาเลเซีย, แรงงาน, โควิด-19