ราคาหุ้นบริษัทท็อป โกลฟ ซึ่งเป็นผู้ผลิตถุงมือยางรายใหญ่ที่สุดของโลก ร่วงลง 7.5% ในการซื้อขายที่ตลาดหุ้นมาเลเซียช่วงเช้าวันนี้ หลังจากรัฐบาลมาเลเซียได้สั่งให้มีการทยอยปิดโรงงานของบริษัทท็อป โกลฟ หลังพบพนักงานติดเชื้อไวรัสโควิด-19 มากกว่า 2,000 ราย
นายนูร์ ฮิแชม อับดุลเลาะห์ อธิบดีกรมอนามัยของมาเลเซียเปิดเผยว่า รัฐบาลจะทยอยปิดโรงงานของทางบริษัทซึ่งมีทั้งหมด 28 อาคาร หลังพบพนักงานติดเชื้อจำนวน 2,453 ราย จากที่มีการตรวจเชื้อทั้งหมด 5,767 ราย โดยผู้ติดเชื้อทั้งหมดได้เข้ารับการรักษาตัวในโรงพยาบาล และมีการกักตัวคนใกล้ชิดที่สัมผัสกับพนักงานเหล่านี้
ส่วนเมื่อสัปดาห์ที่แล้ว รัฐบาลมาเลเซียได้สั่งล็อกดาวน์หอพักพนักงานของบริษัทท็อป โกลฟ ในเมืองกลัง รัฐสลังงอ และพื้นที่ใกล้เคียง ตั้งแต่วันที่ 17 พ.ย.ไปจนถึงวันที่ 30 พ.ย. ภายใต้คำสั่งควบคุมการเคลื่อนไหว (Enhanced Movement Control Order – EMCO) เพื่อสกัดกั้นการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 หลังจากตรวจพบผู้ติดเชื้อไวรัสโควิด-19 จำนวน 215 รายในสถานที่ดังกล่าวเมื่อนับถึงวันที่ 15 พ.ย.ที่ผ่านมา
การสั่งปิดโรงงานได้เพิ่มแรงกดดันให้กับบริษัทท็อป โกลฟ โดยก่อนหน้านี้ ราคาหุ้นของบริษัททรุดตัวลงอย่างหนักในเดือนนี้นับตั้งแต่มีข่าวความคืบหน้าในการพัฒนาวัคซีนต้านโรคโควิด-19
ทั้งนี้ ท็อป โกลฟมีพนักงานมากกว่า 21,000 รายซึ่งสามารถผลิตถุงมือได้ในปริมาณ 9 หมื่นล้านชิ้นต่อปีในสายการผลิตทั้งหมด 750 แห่ง
โดย สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (24 พ.ย. 63)
Tags: ถุงมือยาง, ท็อป โกลฟ, นูร์ ฮิแชม อับดุลเลาะห์, โควิด-19