นายมอนเซฟ สลาอุย หัวหน้าโครงการ Operation Warp Speed ซึ่งเป็นโครงการที่มีเป้าหมายให้ชาวสหรัฐมีวัคซีนต้านโควิด-19 ใช้ภายในสิ้นปีนี้ ให้สัมภาษณ์กับสำนักข่าวซีเอ็นเอ็นว่า สหรัฐหวังที่จะเริ่มฉีดวัคซีนต้านโรคโควิด-19 ให้ประชาชนกลุ่มแรกได้ภายในอีกไม่ถึง 3 สัปดาห์ข้างหน้า หรือประมาณวันที่ 11-12 ธ.ค. ส่วนจะส่งมอบวัคซีนที่ใดบ้างนั้นขึ้นอยู่กับหน่วยงานสาธารณสุขของแต่ละรัฐ
นอกจากนี้ หัวหน้าโครงการ Operation Warp Speed ยังเปิดเผยด้วยว่า สหรัฐหวังที่จะฉีดวัคซีนให้ได้ 70% ทั่วประเทศในช่วงเดือนพ.ค.ปีหน้า ซึ่งสอดคล้องกับที่มีการคาดการณ์ก่อนหน้านี้ว่า สหรัฐจะสามารถจัดจำหน่ายวัคซีนอย่างทั่วถึงได้ในปีหน้า
นายมอนเซฟ เปิดเผยว่า ชาวสหรัฐจะกลับไปใช้ชีวิตตามปกติได้ก็ต่อเมื่อประชาชนส่วนใหญ่ฉีดวัคซีนแล้ว โดยการฉีดวัคซีนให้กับชาวสหรัฐทั่วประเทศนั้นมีเป้าหมายที่จะให้เกิด “ภูมิคุ้มกันหมู่” (herd immunity) ซึ่งหมายถึงภูมิคุ้มกันหมู่ที่เกิดขึ้นหลังจากประชากรจำนวนมากมีภูมิคุ้มกันต่อไวรัสจากการติดเชื้อและหายจากโรคแล้ว
ทั้งนี้ เมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมา ไฟเซอร์ อิงค์ ซึ่งเป็นบริษัทยาใหญ่ที่สุดของสหรัฐ และ BioNTech ซึ่งเป็นบริษัทยาของเยอรมนี แถลงว่า ทางบริษัทได้ยื่นเรื่องต่อสำนักงานอาหารและยาสหรัฐ (FDA) เพื่อขออนุมัติการใช้วัคซีนต้านไวรัสโควิด-19 ของทางบริษัทเป็นกรณีฉุกเฉิน
หาก FDA ให้การอนุมัติ ก็จะส่งผลให้ไฟเซอร์สามารถทยอยใช้วัคซีนดังกล่าวกับชาวอเมริกันกลุ่มต่างๆ โดยกลุ่มบุคลากรทางการแพทย์ ผู้สูงอายุ และผู้ที่มีปัญหาสุขภาพ จะได้รับการฉีดวัคซีนก่อน ขณะที่กลุ่มผู้ให้บริการในภาคส่วนที่สำคัญ ครูอาจารย์ คนจรจัด และนักโทษในเรือนจำ จะได้รับวัคซีนเป็นกลุ่มต่อไป ตามมาด้วยกลุ่มเด็กและวัยรุ่น
คาดว่า FDA จะใช้เวลาหลายสัปดาห์ในการพิจารณาอนุมัติวัคซีนของไฟเซอร์ ขณะที่กรรมการที่ปรึกษาชุดหนึ่งจะทำการพิจารณาคุณสมบัติของวัคซีนในช่วงต้นเดือนหน้า
โดย สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (23 พ.ย. 63)
Tags: BioNTech, COVID-19, FDA, มอนเซฟ สลาอุย, วัคซีน, วัคซีนต้านโควิด-19, สหรัฐ, โควิด-19, ไฟเซอร์ อิงค์