ก้าวเข้าสู่ปีที่ 91 สำหรับ บมจ.ยูบิลลี่ เอ็นเตอร์ไพรส์ (JUBILE) ผู้นำธุรกิจค้าปลีกเพชรของเมืองไทย แม้ว่าก่อนหน้านี้เผชิญภาวะวิกฤติการแพร่ระบาดเชื้อโควิด-19 จนต้องปิดสาขาเกือบทั้งหมดในพื้นที่ห้างสรรพสินค้าช่วงล็อกดาวน์ประเทศ แต่ด้วยประสบการณ์และความเชี่ยวชาญของบรรดาคณะผู้บริหารของ JUBILE ทำให้ภาพรวมผลประกอบการบริษัทพลิกกลับมาเติบโตสร้างปรากฎการณ์ทั้งรายได้และกำไรสุทธิในไตรมาส 3/63 เติบโตทุบสถิติสูงสุดรายไตรมาส โดยมีรายได้ 520.6 ล้านบาท และกำไรสุทธิ 96.4 ล้านบาท
ขณะที่นางสาวอัญรัตน์ พรประกฤต ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร JUBILE ตั้งเป้าหมายใหม่อย่างท้าทายว่าภายใน 3 ปีข้างหน้าบริษัทจะต้องมีรายได้เพิ่มแตะ 3 พันล้านบาท
ตีตลาดเพชรออนไลน์ คว้าโอกาสใหม่ยุคโควิด-19
นางสาวอัญรัตน์ เปิดเผยกับ “อินโฟเควสท์” ว่า การแพร่ระบาดเชื้อโควิด-19 ส่งผลกระทบต่อบริษัทโดยตรงในไตรมาส2/63 เพราะต้องปิดสาขาเกือบทั้งหมดรวม 127 สาขาที่อยู่ในพื้นที่ห้างสรรพสินค้า จากสาขารวมทั้งหมด 130 สาขา ส่วนอีก 3 สาขาที่เปิด Stand Alone ยังสามารถให้บริการตามปกติ
“ยอมรับว่าในช่วงแรกๆก็ค่อนข้างตกใจและช็อกไปพอสมควร เพราะไม่เคยเจอวิกฤติโรคระบาดเหมือนครั้งนี้มาก่อน แต่ก็ได้เตรียมความพร้อมมาบ้างจากกระแสข่าวการระบาดหนักที่เกิดขึ้นในต่างประเทศ”
นางสาวอัญรัตน์ กล่าว
กลยุทธ์ที่เข้ามาช่วยประคับประคองยอดขายนั้น ก่อนหน้านั้น บริษัทได้เริ่มออกสินค้า Collection ใหม่ร่วมกับ “LINE FRIENDS” เป็นเครื่องประดับเพชรตอบโจทย์ลูกค้าเจเนอเรชั่นใหม่ ทำให้เตรียมความพร้อมช่องทางขายผ่านแพลตฟอร์มออนไลน์มาบ้างแล้ว เมื่อเกิดวิกฤติขึ้นบริษัทจึงนำสินค้าทั้งหมดมาอัดโปรโมชั่นกระตุ้นยอดขายผ่านแพลตฟอร์มออนไลน์ทันที ส่งผลให้ยอดขายสินค้าผ่านช่องทางออนไลน์เติบโตขึ้นหลายเท่าตัว ตอบโจทย์ลูกค้าที่อยู่ในช่วง “Work From Home” สร้างรายได้เพียงพอต่อค่าใช้จ่ายในช่วงที่ปิดสาขาไปเกือบทั้งหมด
“ช่วงที่ล็อกดาวน์ปิดห้างสรรพสินค้า ทำให้สาขาเกือบทั้งหมดเราต้องปิดไปด้วย แต่ในวิกฤติเราก็มองเห็นเป็นโอกาสเหมือนกัน เช่น การขยายฐานลูกค้ากลุ่มใหม่ผ่านแพลตฟอร์มออนไลน์ ภายหลังจากสาขาของบริษัทกลับมาเปิดครบทั้งหมดแล้วยอดขายผ่านสาขาควบคู่กับผ่านแพลตฟอร์มออนไลน์ นับเป็นตัวแปรช่วยเพิ่มประสิทธิภาพของยอดขายได้ดีขึ้น”
นางสาวอัญรัตน์ กล่าว
โมเดล O2O เชื่อมโลกออนไลน์สู่ยอดขายหน้าร้าน
นางสาวอัญรัตน์ กล่าวต่อว่า บริษัทตั้งเป้ายอดขายสินค้าผ่านแพลตฟอร์มออนไลน์จะเติบโตมาเป็นสัดส่วน 10% ของยอดขายรวมช่วงครึ่งปีหลัง โดยบริษัทวางโมเดลธุรกิจ O2O หรือ Online to Offline คือการผสานธุรกิจจากออนไลน์ไปยังออฟไลน์ บริษัทมองเห็นว่าลูกค้ากลุ่มใหม่จะเริ่มต้นเข้ามาสนใจสินค้าผ่านช่องทางออนไลน์เป็นจำนวนมาก แตกต่างกับการขายผ่านสาขาหรือหน้าร้านที่สัดส่วนกว่า 60% จะเป็นฐานลูกค้าเดิม และที่เหลืออีก 40% จะเป็นกลุ่มลูกค้าใหม่
“การมีช่องทางออฟไลน์และออนไลน์เป็นลักษณะการเอื้อกัน เพราะลูกค้าใหม่ส่วนมากก็รู้จักเราผ่านช่องทางออนไลน์ หลังจากนั้นก็เข้ามาดูและซื้อสินค้าจากหน้าร้านและขอข้อมูลความรู้ต่างๆกับพนักงานด้วย ส่วนลูกค้าที่ซื้อผ่านออนไลน์เลยก็รับทราบเกี่ยวกับแบรนด์ความน่าเชื่อถือของ Jubilee อยู่แล้วทำให้มีความเชื่อมั่นสั่งซื้อสินค้าผ่านออนไลน์เลย”
“Big Data” อาวุธลับมัดใจนักช้อปเพชร
ทั้งนี้ ตลอดระยะเวลา 3-4 ปีที่ผ่านมาบริษัทวางรากฐานการนำฐานข้อมูลจำนวนมาก (Big Data) มาใช้กระตุ้นยอดขายอย่างเข้มข้น โดยเฉพาะพฤติกรรมของฐานลูกค้าจำนวนกว่า 180,000 รายที่มีหลากหลายเซกเมนต์เป็นไปตามนโยบายของคณะกรรมการบริหารว่าต้องใช้ข้อมูลต่างๆเป็นตัวแปรหลักในการกำหนดกลยุทธ์ด้านการขายและการตลาด รวมถึงการจัดโครงสร้างองค์กรในทุกๆมิติด้วย
“ข้อมูลเป็นสิ่งจำเป็นกับเรามาก เพราะเราเป็นธุรกิจค้าปลีก ทำให้การปรับตัวต้องรวดเร็ว และต้องแก้ไขปัญหาเฉพาะหน้า โดยเฉพาะปัจจุบันมีความไม่แน่นอนอยู่มาก เป็นผลทำให้พฤติกรรมของผู้บริโภคเปลี่ยนแปลงรวดเร็วเช่นกัน ดังนั้นการที่บริษัทวางรากฐานข้อมูลเป็นส่วนสำคัญต่อการขับเคลื่อนธุรกิจ เป็นที่มาของวันนี้ที่เรารับรู้ข้อมูลแบบเรียลไทม์รับรู้ความต้องการและตอบโจทย์ของลูกค้าได้อย่างรวดเร็วและมีประสิทธิภาพ”
นางสาวอัญรัตน์ กล่าว
Q3/63 รับอานิสงส์บิ๊กอีเว้นท์ เร่งเครื่อง”ยอดขาย”โตโค้งสุดท้าย
นางสาวอัญรัตน์ กล่าวอีกว่า แม้ว่าภาพรวมผลประกอบการไตรมาส 2/63 เป็นไตรมาสที่ได้รับผลกระทบมากที่สุดจากวิกฤติโควิด-19 แต่จากการพบกับนักวิเคราะห์ส่วนใหญ่ก็ได้รับเสียงตอบรับที่ดีจากการรักษาอัตรากำไรทรงตัวสูง สามารถดำเนินธุรกิจได้ดีท่ามกลางความเสี่ยงที่เกิดขึ้น
ช่วงครึ่งปีหลังบริษัทเชื่อมั่นว่าจะเติบโตได้ดีกว่าครึ่งปีแรก ส่วนหนึ่งเกิดจากสถานการณ์โควิด-19 ในไทยผ่อนคลาย และบริษัทจัดอีเว้นท์ใหญ่ประจำปี “JUBILEE MID YEAR GRAND SALE” ซึ่งในภาวะปกติที่จะจัดงานช่วงไตรมาส 2 ของทุกปีที่ช่วยเพิ่มยอดขายได้ค่อนข้างมาก แต่ด้วยสถานการณ์ปีนี้ที่ได้รับผลกระทบจากการแพร่ระบาดเชื้อโควิด-19 ทำให้บริษัทจำเป็นเลื่อนการจัดงานอีเว้นท์ใหญ่ประจำปีมาในช่วงไตรมาส 3/63 แทน
ขณะเดียวกันห้างสรรพสินค้าก็กลับมาเปิดให้บริการตามปกติแล้ว ประกอบกับแนวโน้มยอดขายผ่านแพลตฟอร์มออนไลน์เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง ทำให้บริษัทเชื่อมั่นว่าภาพรวมผลประกอบการครึ่งปีหลังจะพลิกกลับมาเติบโตอย่างมีนัยสำคัญแน่นอน
“แม้ว่าช่วงไตรมาส 2/63 เราโดนผลกระทบจากวิกฤติ แต่บริษัทสามารถรักษาอัตรากำไรสุทธิเป็นตัวเลข 2 หลักได้ เพราะเรามาเน้นลดค่าใช้จ่ายแบบเข้มงวด รวมถึงการต่อรองค่าเช่ากับห้างสรรพสินค้าต่างๆ ซึ่งช่วงล็อกดาวน์ห้างสรรพสินค้าบางแห่งก็เว้นค่าเช่าให้ด้วย เรียกได้ว่าช่วงนั้นเราดูตัวเลขกันทุกวันเลย และโชคดีที่ห้างสรรพสินค้ากลับมาเปิดช่วงเดือน พ.ค.เหลือเวลากว่า 40 วันเราเร่งเครื่องเต็มที่ในการเพิ่มยอดขายในไตรมาส2/63 ทำให้บริษัทยังสามารถรักษาศักยภาพทำกำไรได้ดี”
สำหรับภาพรวมตลอดทั้งปี 63 เชื่อว่าจะสามารถรักษาอัตรากำไรสุทธิอยู่ระดับ 2 หลักได้เช่นเดิม และคาดการณ์ว่าจะเริ่มดีขึ้นช่วงครึ่งปีหลัง ยกเว้นเพียงแต่ว่าประเทศไทยกลับมาเกิดการแพร่ระบาดในรอบที่ 2 จนต้องกลับมาล็อกดาวน์เหมือนกับในช่วงแรกนั้นอาจเป็นความเสี่ยงที่จะกระทบกับผลการดำเนินงานได้เช่นกัน
ปี64 ลุ้นทุบนิวไฮอีกครั้ง ตั้งเป้าท้าทายใหม่ 3 ปีสู่ยอดขาย 3 พันล้าน
นางสาวอัญรัตน์ ระบุว่า เบื้องต้นตั้งเป้าหมายรายได้ปี 64 จะเติบโตทุบสถิติสูงสุดใหม่อีกครั้ง หรือเติบโตไม่น้อยกว่า 10% เมื่อเทียบกับรายได้ปี 62 ที่มีรายได้ประมาณ 1,820 ล้านบาท โดยมุมมองไม่อยากเปรียบเทียบกับปี 63 แต่ต้องการเปรียบเทียบกับภาพรวมที่เป็นสถานการณ์ปกติ
สำหรับแผนระยะยาว 3 ปีข้างหน้าบริษัทมีเป้าหมายเติบโตของรายได้จะขึ้นไปแตะ 3 พันล้านบาท แม้ว่าจะเป็นเป้าหมายที่ค่อนข้างท้าทาย แต่เชื่อมั่นว่ามีโอกาสเป็นไปได้สูงเพราะโครงสร้างธุรกิจแข็งแกร่งและกลยุทธ์การดำเนินงานต่างๆก็มีความพร้อมในทุกๆด้านที่ช่วยสร้างการเติบโตได้ตามเป้าหมาย
อย่างไรก็ตาม นอกเหนือจากช่องทางการขายผ่านหน้าร้านที่เป็นออฟไลน์แล้วก็มีช่องทางการขายผ่านแพลตฟอร์มออนไลน์แล้ว ขณะนี้อยู่ระหว่างศึกษาเพิ่มสินค้าใหม่ๆตอบโจทย์ความต้องการของผู้บริโภคพร้อมกับเพิ่มช่องทางการขายรูปแบบอื่น เช่น การเข้าไปขยายช่องทางในต่างประเทศด้วย แต่คงต้องรอให้สถานการณ์การแพร่ระบาดสงบก่อน
“แม้ว่าวันนี้เรามีแนวทางที่จะไปขยายช่องทางในต่างประเทศ แต่ด้วยสถานการณ์โรคระบาดที่ยังไม่นิ่ง เส้นทางการเติบโตของกิจการก็ยังคงเดินหน้าต่อไป ซึ่งการเติบโตตามเป้าหมายก็ยังไม่ได้รวมกับแผนที่จะขยายในต่างประเทศ เพราะเรามองเห็นโอกาสในประเทศที่จะผลักดันให้ผลประกอบการเติบโตได้อีกมาก”
โดย สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (19 พ.ย. 63)
Tags: JUBILE, ยูบิลลี่ เอ็นเตอร์ไพรส์, อัญรัตน์ พรประกฤต, เพชร