นายชวนินทร์ บัณฑิตกฤษดา ประธานกรรมการบริหารและประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บมจ.เจดับเบิ้ลยูดี อินโฟโลจิสติกส์ (JWD) เปิดเผยว่า บริษัทคาดว่ารายได้ปีนี้จะกลับมาเติบโตได้มากกว่า 10% จากเดิมคาดว่าอาจจะใกล้เคียงหรือทรงตัวเมื่อเทียบกับปีก่อนที่มีรายได้รวมอยู่ที่ 3,774.96 ล้านบาท เนื่องจาก 9 เดือนที่ผ่านมาทำรายได้แล้ว 2,847.2 ล้านบาท และในไตรมาส 4/63 คาดว่ารายได้จะเติบโตต่อเนื่องจากไตรมาส 3/63 ที่มีรายได้ 993.8 ล้านบาท ขณะเดียวกันกำไรก็น่าจะปรับตัวดีขึ้นตามไปด้วย
บริษัทมองว่าธุรกิจโลจิสติกส์และซัพพลายเชน ประกอบด้วย ธุรกิจให้บริการจัดเก็บและบริหารสินค้าทั่วไป ยังคงเติบโตจากความต้องการใช้คลังเก็บสินค้าทั่วไปอย่างต่อเนื่อง ซึ่งบริษัทจะยังคงรักษาอัตราการใช้พื้นที่คลังสินค้าทั่วไป (Occupancy Rate) ให้อยู่ในระดับสูงต่อเนื่องไปจนถึงสิ้นปีนี้และปีหน้าได้
ส่วนธุรกิจให้บริการจัดเก็บและบริหารสินค้าอันตราย ปรับตัวดีขึ้นมาตั้งแต่ไตรมาส 3/63 จากจำนวนตู้สินค้าอันตรายที่ผ่านเข้าท่าเรือแหลมฉบัง (Throughput) ที่เพิ่มขึ้น หลังไตรมาส 2/63 ได้รับผลกระทบจากมาตรการล็อกดาวน์ในหลายประเทศ โดยคาดว่าจะกลับสู่ภาวะปกติได้ในช่วงกลายปี 64 เป็นต้นไป
ขณะที่ธุรกิจให้บริการจัดเก็บและบริหารรถยนต์ ก็ยังมีแนวโน้มเติบโตตามอุตสาหกรรมยานยนต์ของประเทศที่ฟื้นตัวอย่างรวดเร็ว ประกอบกับแนวโน้มอุตสาหกรรมยายนต์ในปี 64 ก็น่าจะเติบโตต่อเนื่องจากฐานต่ำในปีนี้ โดยบริษัทได้รับงานโครงการใหม่จากลูกค้าหลายรายที่ถูกเลื่อนมาจากต้นปีที่เกิดผลกระทบโควิด ปัจจุบันก็เริ่มดำเนินการบ้างแล้วและคาดว่าปีหน้าจะดำเนินการได้เต็มที่ตลอดปี ทำให้จะสามารถรับรู้รายได้เพิ่มขึ้นจากธุรกิจดังกล่าว
นอกจากนี้ ธุรกิจให้บริการรับฝากและบริหารสินค้าควบคุมอุณหภูมิแช่เย็นและแช่แข็ง ยังเติบโตต่อเนื่องแม้ในภาวะโควิด โดยไตรมาส 3/63 มีรายได้ 194.1 ล้านบาท เชื่อมั่นว่าจะสามารถรักษาระดับการเติบโตของรายได้ให้อยู่ในระดับสูงต่อไปได้ ขณะที่การใช้พื้นที่ (Occupancy Rate) ในช่วง 9 เดือนที่ผ่านมาเฉลี่ยอยู่ที่ 80% ทำให้บริษัทตัดสินใจสร้างห้องเย็นเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องเพื่อรองรับลูกค้าเพิ่มเติม คาดว่าห้องเย็นอาคาร 9 จะก่อสร้างแล้วเสร็จภายในปลายปีนี้ ทำให้ในปี 64 จะมี capacity ส่วนเพิ่มเข้ามาช่วยสนับสนุนให้รองรับลูกค้าได้เพิ่มมากขึ้น และสนับสนุนผลประกอบการปี 64 ให้เติบโตอย่างมีนัยสำคัญ
ส่วนธุรกิจให้บริการขนส่งสินค้า (Transportation&Distribution Services Drivers) คาดจะยังเติบโตต่อเนื่องในไตรมาส 4/63 เนื่องจากการขนส่งสินค้าในกลุ่มอุตสาหกรรมยานยนต์มีปริมาณเพิ่มสูงขึ้น และการขนส่งในกลุ่มอื่นๆ เช่น การขนส่งควบคุมอุณหภูมิ และการขนส่งสินค้าข้ามแดนยังคงมีปริมาณในระดับที่ดี,
กลุ่มธุรกิจโครงสร้างพื้นฐานโลจิสติกส์ (Barge Terminal) คาดว่าจะยังรักษาปริมาณให้อยู่ในระดับสูง หรือเติบโตเป็น 2 เท่าต่อไปทั้งในปีนี้และปีหน้า และเป็นธุรกิจที่จะสามารถทำกำไรให้บริษัทฯ ได้เพิ่มเติม, กลุ่มธุรกิจให้บริการเก็บของใช้ส่วนตัว ของมีค่า และผลงานศิลปะ (Self-Storage, Self-Deposit and Art Space) ก็มีการเติบโตในทุกๆ ไตรมาส โดยเชื่อมั่นว่าจากการขยายสาขาพระราม 9 และการเข้าซื้อกิจการใน จ.ภูเก็ต จะสามารถรับรู้ผลรายได้เข้ามาตั้งแต่ไตรมาส 4/63 เป็นต้นไป
ธุรกิจอาหาร (Food Supply Chain Drivers) ก็มีรายได้เติบโตค่อนข้างสูง จากการทำโรงงานตัดผักสำเร็จรูป ซึ่งถือว่าเกินความคาดหวังมาก ทำให้รายได้ปรับตัวเพิ่มขึ้นทำสถิติสูงสุดใหม่ จึงเชื่อว่าในไตรมาส 4/63 น่าจะเติบโตได้ต่อเนื่อง โดยในปี 64 บริษัทก็วางแผนทำการตลาดกับ QSR กับคอนวีเนียนสโตร์ เพิ่มเติมอีก
นายชวนินทร์ กล่าวว่า สำหรับแนวโน้มผลการดำเนินงานในปี 64 เบื้องต้นบริษัทอยู่ระหว่างจัดทำแผน แต่เชื่อว่าจะเป็นปีที่มีการเติบโตได้อย่างต่อเนื่องจากธุรกิจปัจจุบัน ซึ่งไม่รวมการลงทุนใหม่ของ 3 ธุรกิจในปีนี้ ไม่ว่าจะเป็นเรื่องการรับรู้รายได้คลังสินค้าที่นวนครที่จะเข้ามาในเดือน ธ.ค.63, คลังห้องเย็น คลัง 9 ที่ในไตรมาส 1/64 น่าจะเริ่มรับรู้รายได้เข้ามา รวมถึงคลังจัดเก็บเอกสาร
ส่วนธุรกิจใหม่ๆ ที่จะเกิดขึ้นในอนาคต ปัจจุบันก็อยู่ระหว่างศึกษาการเข้าลงทุนในธุรกิจใหม่ๆ ราว 2-3 ดีล แต่ขณะนี้ยังไม่สามารถเปิดเผยรายละเอียดได้
อย่างไรก็ตาม บริษัทวางงบลงทุนในปี 64 ไว้ประมาณ 700-800 ล้านบาท รองรับการลงทุนในบริษัทร่วมทุน หรือ บริษัท แปซิฟิค เอ็ม โคลด์ สโตเรจ จำกัด (PACM) เพื่อดำเนินการก่อสร้างคลังสินค้าห้องเย็นขึ้นใหม่สำหรับรองรับการจัดเก็บวัตถุดิบของ MMP ซึ่งประกอบธุรกิจผลิตอาหารทะเลบรรจุกระป๋อง คาดว่าจะดำเนินการก่อสร้างในช่วงปลายปีนี้ และน่าจะแล้วเสร็จได้ในเดือนต.ค.64 และอีกส่วนหนึ่งจะใช้ลงทุนปรับปรุงบริการทั่วไป
โดย สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (16 พ.ย. 63)
Tags: JWD, ชวนินทร์ บัณฑิตกฤษดา, เจดับเบิ้ลยูดี อินโฟโลจิสติกส์, โลจิสติกส์