นางจินตณา กิ่งแก้ว รองกรรมการผู้จัดการ บมจ.สยามแก๊ส แอนด์ ปิโตรเคมีคัลส์ (SGP) เปิดเผยว่าผลการดำเนินงานของบริษัทฯและบริษัทย่อยมีกำไรสุทธิส่วนที่เป็นของบริษัทใหญ่รวม 9 เดือนจำนวน 1,045.21 ล้านบาท เปรียบเทียบกับงวดเดียวกันของปีก่อน ซึ่งมีผลกำไรสุทธิส่วนที่เป็นของบริษัทใหญ่จำนวน 221.13 ล้านบาท ผลกำไรสุทธิเพิ่มขึ้นจำนวน 824.08 ล้านบาท หรือเพิ่มขึ้น 373%
บริษัทมีรายได้จากการขาย จากการขนส่ง และการให้บริการเป็นจำนวนเงิน 40,313.48 ล้านบาท ลดลง 9,227.27 ล้านบาท หรือลดลง 18.6% เปรียบเทียบกับงวดเดียวกันของปีก่อนซึ่งมีรายได้อยู่ที่ 49,540.75 ล้านบาท สาเหตุหลักที่รายได้ลดลงมาจากยอดขายที่ลดลง 14.4% จากปริมาณขาย 9 เดือนปี 62 ที่ 2.83 ล้านตัน เป็น 2.42 ล้านตันในปี 63 ประกอบกับราคาก๊าซ LPG ตลาดโลกเฉลี่ย 9 เดือนของปี 63 อยู่ที่ 393.06 เหรียญต่อตันเมื่อเปรียบเทียบกับปี 62 ที่ระดับ 438.33 เหรียญต่อตัน
“ปริมาณการขาย LPG ในช่วงไตรมาส 3/63 เติบโตได้ดีกว่าในช่วงไตรมาส 2/63 เนื่องมาจากผลจากมาตรการที่ทางภาครัฐเริ่มผ่อนคลายลง รวมไปถึงออกมาตรการต่างๆเพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจภายในประเทศ ส่งผลให้คนเริ่มกลับมาเดินทางท่องเที่ยว และใช้จ่ายมากขึ้น ทำให้ธุรกิจโรงแรมและธุรกิจร้านอาหาร เริ่มมียอดขายเพิ่มขึ้นและมีความต้องการใช้ก๊าซ LPG เพิ่มขึ้น อีกส่วนหนึ่งเป็นผลมาจากการที่บริษัทได้มีการนำเทคโนโลยีเข้ามาช่วยเพิ่มยอดการขาย ด้วยการสั่งก๊าซ LPG ผ่านแอปพลิเคชันทางออนไลน์ โดยสามารถใช้ได้ทั้งมือถือระบบ IOS และ Android ส่งผลให้ผลการดำเนินงานในช่วงไตรมาส 3/63 และ 4/63 จะมีการปรับตัวที่ดีขึ้นได้อย่างต่อเนื่อง”
นางจินตณา กล่าว
นอกจากนี้ ในช่วงไตรมาส 3 ที่ผ่านมา บริษัทฯ ได้มีการเข้าซื้อหุ้น บริษัท ชื่นศิริ จำกัด (Linh Gas) ในสัดส่วน 69.69% ซึ่งเป็นผู้ผลิตถังก๊าซ LPG และมีลูกค้าทั้งภายในประเทศและต่างประเทศ ภายหลังการเข้าซื้อหุ้นดังกล่าว ทำให้บริษัทมั่นใจว่าจะสามารถลดต้นทุนการผลิตถังก๊าซ LPG ได้มีประสิทธิภาพมากขึ้น และจะสามารถเข้าถึงตลาดในต่างประเทศได้มากขึ้นจากฐานลูกค้าของ Lihn Gas ที่มีอยู่เดิม ทำให้มั่นใจได้ว่าการลงทุนใน Lihn Gas จะช่วยเสริมความแข็งแกร่งในกับธุรกิจของสยามแก๊สได้อย่างดี
สำหรับทิศทางธุรกิจในช่วงไตรมาส 4/63 คาดว่าจะกลับมาเติบโตได้ดีต่อเนื่องจากไตรมาส 3/63 ทั้งยอดขาย เนื่องจากเข้าสู่ช่วงไฮซีซั่นของธุรกิจที่มีความต้องการใช้แก๊สที่เพิ่มมากขึ้น และทิศทางของราคาก๊าซ LPG ในตลาดโลกที่ยังคงปรับตัวขึ้นอย่างต่อเนื่อง โดยในเดือน ต.ค.และ พ.ย. 63 ราคาก๊าซปรับตัวเพิ่มขึ้น 17.5 และ 57.5 เหรียญสหรัฐต่อตันตามลำดับ
นอกจากนี้ในส่วนของธุรกิจขายน้ำมันในต่างประเทศที่บริษัทได้เริ่มมียอดขายตั้งแต่เดือนพ.ค.ที่ผ่านมา จะเข้ามาช่วยเสริมให้กลุ่มบริษัทมีรายได้เพิ่มมากขึ้นได้อีกด้วย โดยไตรมาส 2 และ ไตรมาส 3 มียอดขายน้ำมันอยู่ที่ 197,554 และ 397,059 บาร์เรล ตามลำดับ
อย่างไรก็ตาม SGP ยังมีเป้าหมายที่จะก้าวขึ้นเป็นผู้นำด้านพลังงานอย่างครบวงจร ไม่ว่าจะเป็นการถือหุ้นในธุรกิจโรงไฟฟ้าจำนวน 2 แห่ง ในประเทศเมียนมา และธุรกิจการให้บริการท่าเทียบเรือน้ำลึกและคลังเก็บน้ำมันที่อ.เกาะสีชัง จ.ชลบุรี และภายใน 3-4 ปีข้างหน้า มั่นใจว่าบริษัทจะสามารถสร้างรายได้แตะ 1 แสนล้านบาท ได้อย่างแน่นอน” นางจินตณา กล่าว
โดย สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (12 พ.ย. 63)
Tags: LPG, SGP, จินตณา กิ่งแก้ว, ธุรกิจขายน้ำมัน, ธุรกิจโรงไฟฟ้า, พลังงาน, สยามแก๊ส แอนด์ ปิโตรเคมีคัลส์, หุ้นไทย