ดร.ไมเคิล ออสเตอร์โฮล์ม ที่ปรึกษาด้านการควบคุมโรคโควิด-19 ของนายโจ ไบเดน ว่าที่ประธานาธิบดีคนใหม่ของสหรัฐกล่าวว่า การปิดธุรกิจและการจ่ายเงินชดเชยให้กับประชาชนที่สูญเสียค่าจ้างเป็นเวลา 4-6 สัปดาห์ อาจช่วยควบคุมการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 ได้ และจะช่วยให้เศรษฐกิจดำเนินต่อไปได้จนกว่าจะมีการอนุมัติและจัดจำหน่ายวัคซีนต้านโรคโควิด
ดร.ออสเตอร์โฮล์มซึ่งดำรงตำแหน่งผู้อำนวยการศูนย์นโยบายการและการวิจัยโรคติดเชื้อของมหาวิทยาลัยมินนิโซตากล่าวว่า สหรัฐกำลังก้าวเข้าสู่ “นรกโควิด” (Covid hell) ขณะที่จำนวนผู้ติดเชื้อกำลังเพิ่มขึ้น เนื่องจากประชาชนเริ่มเบื่อหน่ายกับการต้องสวมหน้ากากอนามัยและการเว้นระยะห่างทางสังคม นอกจากนี้ สภาพอากาศที่หนาวเย็นขึ้นจะเป็นแรงผลักดันให้ประชาชนอยู่รวมกันภายในอาคารบ้านเรือน ซึ่งจะยิ่งทำให้การสัมผัสติดเชื้อเป็นไปได้ง่ายมากขึ้น
ดร.ออสเตอร์โฮล์มแนะนำว่า การล็อกดาวน์ทั่วประเทศจะทำให้จำนวนผู้ติดเชื้อรายใหม่ และอัตราการเข้ารักษาตัวในโรงพยาบาลลดลงสู่ระดับที่สามารถรับมือได้ ซึ่งถือเป็นมาตรการที่ควรดำเนินการไปก่อนขณะรอวัคซีน พร้อมกับกล่าวว่า “เราควรจัดสรรงบประมาณที่ครอบคลุมถึงการช่วยเหลือประชาชนที่ไม่ได้ค่าจ้างในช่วงล็อกดาวน์ธุรกิจขนาดเล็กไปจนถึงขนาดกลาง ซึ่งหากทำเช่นนั้นได้ เราอาจล็อกดาวน์เป็นระยะเวลา 4-6 สัปดาห์”
ทั้งนี้ ดร.ออสเตอร์โฮล์มกล่าวว่า การล็อกดาวน์จะช่วยให้สามารถควบคุมการแพร่ระบาดได้เหมือนกับที่นิวซีแลนด์, ออสเตรเลีย และประเทศอื่นๆ ในเอเชียทำสำเร็จมาแล้ว ซึ่งประเทศเหล่านั้นสามารถทำให้จำนวนผู้ติดเชื้อรายวันลดลงสู่ระดับต่ำกว่า 10 ราย ซึ่งถือเป็นตัวอย่างที่ดีในการควบคุมการแพร่ระบาดของไวรัส
นอกจากนี้ ดร.ออสเตอร์โฮล์มยังกล่าวถึงสถานการณ์ในปัจจุบันว่า สหรัฐกำลังเข้าสู่ช่วงเวลาที่มืดมนก่อนที่จะมีวัคซีน พร้อมระบุว่า โรงพยาบาลทั่วประเทศล้นทะลักไปด้วยผู้ป่วย เช่นในเมืองเอล พาโซ รัฐเท็กซัส ซึ่งเจ้าหน้าที่ในเมืองแห่งนี้ได้สั่งปิดธุรกิจต่างๆ แล้ว และหน่วยงานของรัฐบาลกลางกำลังส่งทรัพยากรไปช่วยเหลือในการรับมือกับจำนวนผู้เสียชีวิตจากโควิด-19 ที่พุ่งขึ้นอย่างมาก
โดย สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (12 พ.ย. 63)
Tags: COVID-19, โควิด-19, โจ ไบเดน, ไมเคิล ออสเตอร์โฮล์ม