คาร์ล แทนเนนโบม หัวหน้านักเศรษฐศาสตร์จากนอร์เทิร์น ทรัสต์ ให้สัมภาษณ์กับสถานีโทรทัศน์ซีเอ็นบีซีว่า วัคซีนโควิด-19 ไม่ได้เป็นยาวิเศษที่จะทำให้เศรษฐกิจสหรัฐฟื้นตัวแข็งแกร่งได้ในทันที โดยไม่ควรพึ่งพาความก้าวหน้าเรื่องวัคซีนอย่างเดียว แต่เศรษฐกิจจำเป็นต้องมีการเพิ่มการสนับสนุนทางการคลังด้วย
ถ้อยแถลงดังกล่าวมีขึ้น หลังตลาดหุ้นทั่วโลกปรับตัวขึ้น เนื่องจากไฟเซอร์ อิงค์ บริษัทยารายใหญ่สุดของสหรัฐ และไบโอเอ็นเทค บริษัทยาของเยอรมนี แถลงความคืบหน้าครั้งใหญ่ในการทดลองวัคซีนต้านไวรัสโควิด-19 โดยข่าวดังกล่าวทำให้นักลงทุนมีความหวังว่าเศรษฐกิจจะฟื้นตัวจากวิกฤตโควิด-19
ไฟเซอร์ และ ไบโอเอ็นเทค ประกาศว่า ผลการทดลองบ่งชี้ว่าวัคซีนต้านไวรัสโควิด-19 ซึ่งทั้งสองบริษัทพัฒนาร่วมกัน มีประสิทธิภาพมากกว่า 90% ในการป้องกันไวรัสสำหรับผู้ที่ไม่เคยติดเชื้อมาก่อน และบริษัทจะจดทะเบียนวัคซีนต่อสำนักงานอาหารและยาสหรัฐ (FDA) ในสัปดาห์หน้า และคาดว่าจะมีการผลิตวัคซีน 50 ล้านโดสภายในปีนี้ และ 1,300 ล้านโดสในปีหน้า
นักเศรษฐศาสตร์รายนี้แสดงความเห็นว่า ข่าววัคซีนและตัวเลขการจ้างงานที่ดีกว่าคาดในสหรัฐเป็นปัจจัยที่ดีสำหรับเศรษฐกิจสหรัฐ แต่ถึงอย่างนั้นก็ยังต้องมีมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจเพิ่มเติมด้วย เพราะหากพิจารณาในแง่ของการจ้างงาน ยังมีชาวอเมริกันจำนวนมากที่ไม่มีงานทำ ขณะที่หน่วยงานรัฐก็ไม่มีงบประมาณมากพอ จนทำให้ต้องมีการเลิกจ้างและเลิกให้บริการบางอย่าง ซึ่งไม่เป็นผลดีต่อเศรษฐกิจ
โดย สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (11 พ.ย. 63)
Tags: คาร์ล แทนเนนโบม, วัคซีนต้านโควิด-19, สหรัฐ, เศรษฐกิจสหรัฐ, ไบโอเอ็นเทค, ไฟเซอร์