หุ้นไทยเช้านี้แนวโน้มลุ้นทะลุ 1,300 ตอบรับข่าวดีวัคซีนต้านโควิด

นักวิเคราะห์ฯคาดตลาดหุ้นไทยเช้านี้ลุ้นทะลุ 1,300 จุดตอบรับวัคซีนโควิดคืบหน้าดันตลาดหุ้นทั่วโลกดีดตัว โดยเฉพาะตลาดยุโรปขึ้นแรง-ตลาดภูมิภาคส่วนใหญ่แกว่งบวก อีกทั้งเล็งเม็ดเงินไหลเข้าในเอเชียหลัง”ไบเดน”ชนะเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐ ส่วนบ้านเราคาดกลุ่มท่องเที่ยว-สายการบิน-หุ้นอ่อนไหวต่อเศรษฐกิจ-หุ้น Laggard ฟื้น แนะติดตามการปรับน้ำหนัก MSCI และ บจ.ประกาศงบฯต่อไป ให้แนวรับ 1,275-1,280 แนวต้าน 1,310-1,320 จุด

นายอภิชาติ ผู้บรรเจิดกุล ผู้อำนวยการอาวุโส สายงานวิเคราะห์เชิงกลยุทธ์ บล.ทิสโก้ เปิดเผยว่า ตลาดหุ้นไทยเช้านี้ดัชนีฯมีโอกาสดีดตัวขึ้นทะลุ 1,300 จุดไปได้ ตอบรับความคืบหน้าวัคซีนต้านไวรัสโควิด-19 หลังจากไฟเซอร์ และ BioNTech แถลงว่าผลการทดลองร่วมกันพัฒนาวัคซีนมีประสิทธิภาพมากกว่า 90% ในการป้องกันไวรัสโควิด-19 ทำให้ตลาดหุ้นทั่วโลกปรับตัวขึ้นตอบรับ โดยเฉพาะตลาดยุโรปบวกแรง และเช้านี้ตลาดหุ้นภูมิภาคเอเชียส่วนใหญ่เคลื่อนไหวในแดนบวก

นอกจากนี้ การที่นายโจ ไบเดน ชนะการเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐมองเป็นผลดีต่อเม็ดเงินที่มีโอกาสที่จะไหลเข้ามาในเอเชีย โดยเฉพาะ Emerging Market

ส่วนบ้านเราแม้จะสามารถคุมการแพร่ระบาดไวรัสโควิด-19 ได้ค่อนข้างดี แต่ความคืบหน้าของการพัฒนามีวัคซีนก็น่าจะทำให้หุ้นในกลุ่มท่องเที่ยว, สายการบิน รวมถึงหุ้นที่มีความอ่อนไหวต่อเศรษฐกิจ และยัง Laggard น่าจะกลับมาปรับตัวได้ดีขึ้นในวันนี้ อย่างไรก็ดี ยังต้องติดตามการปรับน้ำหนักลงทุนของ MSCI วันพรุ่งนี้ และตัวเลขเศรษฐกิจของจีน อย่างดัชนีราคาผู้ผลิต (PPI) ส่วนบ้านเราก็ต้องติดตามการทยอยประกาศผลประกอบการของบริษัทจดทะเบียนต่อไป

พร้อมให้แนวรับ 1,275-1,280 จุด ส่วนแนวต้าน 1,310-1,320 จุด

ประเด็นพิจารณาการลงทุน

  • ตลาดหุ้นนิวยอร์กล่าสุด (9 พ.ย.) ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดที่ 29,157.97 จุด เพิ่มขึ้น 834.57 จุด (+2.95%), ดัชนี S&P500 ปิดที่ 3,550.50 จุด เพิ่มขึ้น 41.06 จุด (+1.17%), ดัชนี Nasdaq ปิดที่ 11,713.78 จุด ลดลง 181.45 จุด (-1.53%)
  • ตลาดหุ้นเอเชียเปิดตลาดวันนี้ ดัชนี SSE Composite ตลาดหุ้นจีน เพิ่มขึ้น 13.89 จุด, ดัชนี NIKKEI 225 ตลาดหุ้นญี่ปุ่น เพิ่มขึ้น 247.46 จุด, ดัชนี HSI ตลาดหุ้นฮ่องกง เพิ่มขึ้น 457.87 จุด, ดัชนี TAIEX ตลาดหุ้นไต้หวัน ลดลง 36.82 จุด, ดัชนี KOSPI ตลาดหุ้นเกาหลีใต้ เพิ่มขึ้น 6.75 จุด, ดัชนี FTSE STI ตลาดหุ้นสิงคโปร์ เพิ่มขึ้น 63.62 จุด, ดัชนี FBMKLCI ตลาดหุ้นมาเลเซีย ลดลง 2.37 จุด
  • ตลาดหุ้นไทยปิดล่าสุด (9 พ.ย.63) 1,285.88 จุด เพิ่มขึ้น 25.80 จุด (+2.05%)
  • นักลงทุนต่างชาติซื้อสุทธิ 2,304.42 ล้านบาท เมื่อวันที่ 9 พ.ย.63
  • ราคาน้ำมันดิบ WTI ส่งมอบเดือน ธ.ค.ในตลาดไนเม็กซ์ปิดทำการล่าสุด (9 พ.ย.63) ปิดที่ 40.29 ดอลลาร์/บาร์เรล พุ่งขึ้น 3.15 ดอลลาร์ หรือ 8.5%
  • ค่าการกลั่นอ้างอิงตลาดสิงคโปร์ปิดล่าสุด (9 พ.ย.63) อยู่ที่ 1.54 ดอลลาร์/บาร์เรล
  • เงินบาทเปิด 30.55 อ่อนค่าจากวานนี้เล็กน้อยหลังมีเงินไหลออก ให้กรอบ 30.50-30.65
  • ธปท.ส่องไตรมาส 4 ยอดยึดรถโผล่เพิ่ม เหตุลูกหนี้ภาระหนี้รัดตัว กดดันแบงก์คุมเข้มสินเชื่อต่อ “เกียรตินาคินภัทร” รับพบยอดยึดรถเพิ่มแต่ยังอยู่ระดับบริหารจัดการ เร่งคุยดีลเลอร์ ซื้อรถคืน หลังลูกหนี้ผ่อนไม่ไหว
  • เริ่มยกแรก 2 ยักษ์วงการรถไฟฟ้า ยื่นซองแข่งชิงสัมปทานโครงการรถไฟฟ้าสายสีส้ม บางขุนนนท์-มีนบุรี มูลค่า 1.42 แสนล้านบาท BEM มาเดี่ยว ส่วน BTS ผนึกซิโน-ไทย แต่ไร้เงาอิตาเลียนไทยฯ ทั้งสองฝ่ายยันทำข้อเสนอที่ดีที่สุดให้พิจารณา ด้าน รฟม.ยังลุ้นศาลปกครองสูงสุด หลังยื่นอุทธรณ์เปลี่ยนกติกาตัดสิน คาดใช้เวลา 2 สัปดาห์ประกาศรายชื่อผู้ผ่านคุณสมบัติ ก่อนเปิดซองด้านเทคนิคและด้านการเงิน
  • ปตท.มั่นใจปี 64 รายได้โตขึ้นกว่าปีนี้ จากแนวโน้มราคาน้ำมันดิบปรับสูงขึ้นมาอยู่ในกรอบ 40-50 เหรียญสหรัฐ/บาร์เรล ตั้งเป้า 10 ปีข้างหน้า กลุ่ม ปตท.มีกำลังการผลิตไฟฟ้าจากฟอสซิลและ พลังงานทดแทนเพิ่มขึ้นรวม 1.6 หมื่นเมกะวัตต์ แย้มปี 64 ทุ่มงบลงทุนสูงขึ้นกว่าปกติ เพื่อตั้งโรงแยกก๊าซฯ หน่วย 7 วงเงินกว่า 1 หมื่นล้านบาท เล็งซื้อกิจการโรงงานผลิตยาในต่างประเทศ และมองโอกาสลงทุนโรงงานรถยานยนต์ไฟฟ้า (อีวี)
  • นายผยง ศรีวณิช ประธานสมาคมธนาคารไทย เผยถึงมุมมองทิศทางเศรษฐกิจในช่วง 1-2 ปีข้างหน้า มีความท้าทายทั้งจากเรื่องผลกระทบของโควิด-19 และการปรับตัวให้อยู่รอดในยุค Disruption เศรษฐกิจจึงอยู่ภายใต้ “พายุใหญ่แห่งยุค” หรือ Perfect Storm ที่มีความรุนแรงและความไม่แน่นอน ซึ่งเป็นปรากฏการณ์ที่เกิดขึ้นทั่วโลก แต่สำหรับประเทศไทยอาจจะเจอกับความท้าทายมากกว่าหลายๆ ประเทศ เนื่องจากโครงสร้างเศรษฐกิจไม่เอื้ออำนวย อาทิ พึ่งพารายได้จากการท่องเที่ยวในระดับสูง ปัญหาหนี้ครัวเรือน และการเข้าสู่สังคมสูงอายุ โดยพายุใหญ่แต่ละครั้งจะทิ้งมรดกแห่งการเปลี่ยนแปลงไว้ ในคราวนี้มองว่ามี 3 ประเด็นสำคัญ ที่อาจกล่าวได้ว่าเป็น New Paradigm ที่เกิดขึ้น
  • รมว.คลังมอบกรมธนารักษ์เร่งพัฒนาที่ราชพัสดุทั่วประเทศ สั่งประสานกับกรมที่ดิน กรมทางหลวง กรมทางหลวงชนบท และกรมชลประทาน นำข้อมูลมาใช้ประกอบการประเมินราคาที่ดินใหม่รอบปี 2565 ขยับเพิ่มหมด ส่วนพื้นที่ส้มหล่นใกล้โครงการรัฐราคาพุ่ง โดยเฉพาะอีอีซี ปรับราคาเพิ่มไม่ต่ำกว่า 10%

หุ้นเด่นวันนี้

  • MINT (กรุงศรี) “ซื้อเก็งกำไร”เป้าหมาย 21 บาท ได้ sentiment บวกโดยตรงจากข่าว Pfizer แจ้งผลทดลองวัคซีนออกมาอย่างมีประสิทธิภาพ ขณะที่ราคาหุ้น MINT ยัง Underperform ตลาดมากที่สุดในกลุ่ม SET100 (YTD -49%)
  • TACC (ฟินันเซีย ไซรัส) “ซื้อ”เป้าหมาย 7.40 บาท เป็น 1 ในหุ้นที่ได้ประโยชน์จากการควบรวมของ CP-Tesco จากการมีช่องทางขายที่เพิ่มขึ้น โดยคาดว่า CP จะขยายสาขาเครื่องดื่มใน Tesco ซึ่ง TACC จะได้รับอานิสงส์ รวมถึงการขายเครื่องดื่มโถกดใน Lotus Express ทั้งนี้ มีโอกาสเป็น Supplier ให้ 7-11 ในกัมพูชา ซึ่งคาดว่าจะเกิดขึ้นหลังโควิด-19 คลี่คลาย โดยยังไม่ได้รวมทั้ง 2 ปัจจัยไว้ในประมาณการซึ่งเป็น Upside ราคาหุ้นปรับฐานลงสัปดาห์ก่อนทำให้ Upside กว้างขึ้น
  • CBG (กสิกรไทย) “ซื้อ” เป้าหมาย 164 บาท รายงานกำไรปกติไตรมาส 3/63 ที่ 916 ลบ. โตขึ้น 20.8% YoY และ 0.7% QoQ สอดคล้องกับประมาณการของ Bloomberg consensus และของเรา เล็งเห็นถึงภาพรวมที่สดใสในไตรมาส 4/63 เพราะปกติแล้วจะเป็นช่วง high season สำหรับกลุ่มเครื่องดื่ม เรายังคงประมาณการกำไรสุทธิปี 63 คงคำแนะนำ “ซื้อ” ด้วยราคาเป้าหมายที่สูงขึ้นเป็น 165 บาทจาก 153 บาท หลังจากปรับปีฐานราคาเป้าหมายเป็นสิ้นปี 64 จากเดิมที่กลางปี 64

โดย สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (10 พ.ย. 63)

Tags: , , , , ,
Back to Top