PTT คาดรายได้ปี 64 ดีกว่าปีนี้ จากราคาน้ำมัน-แนวโน้มเศรษฐกิจดีขึ้น

นายอรรถพล ฤกษ์พิบูลย์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการผู้จัดการใหญ่ บมจ.ปตท.(PTT) เปิดเผยว่า แนวโน้มรายได้ปี 64 มีทิศทางดีขึ้นจากปีนี้ หลังมองราคาน้ำมันดิบเคลื่อนไหวในกรอบ 40-50 เหรียญสหรัฐ/บาร์เรล ในทิศทางที่สูงขึ้นแต่ไม่มากนักจากเฉลี่ย 41-42 เหรียญสหรัฐ/บาร์เรลในปีนี้ และปริมาณขายที่น่าจะเพิ่มขึ้น ตามทิศทางเศรษฐกิจที่คาดว่าจะฟื้นตัวหลังนายโจ ไบเดน คว้าชัยชนะการเลือกตั้งประธาธิบดีสหรัฐ และหากมีวัคซีนต้านโควิด-19 ออกมาใช้ก็จะทำให้สถานการณ์โควิด-19 ผ่อนคลายลง

นอกจากนี้การที่นายโจ ไบเดน ว่าที่ประธานาธิบดีคนใหม่ของสหรัฐ ซึ่งมีท่าทีประนีประนอม ก็น่าจะทำให้สงครามการค้าระหว่างสหรัฐและจีนผ่อนคลายลง อีกทั้งนโยบายสนับสนุนพลังงานทดแทนมากกว่าพลังงานจากฟอสซิล ก็น่าจะทำให้การผลิตน้ำมันหรือก๊าซธรรมชาติ ซึ่งเป็นเชื้อเพลิงฟอสซิสจากสหรัฐออกมาน้อยลง ก็จะเป็นผลดีต่อทิศทางราคาที่จะปรับเข้าสู่สมดุล รวมถึงนโยบายจัดเก็บภาษีจากผู้มีรายได้มากให้สูงขึ้นและหันไปเพิ่มค่าจ้างแรงงานระดับล่างก็จะกระตุ้นกลุ่มฐากรากให้มีกำลังซื้อมากขึ้นส่งผลดีต่อเศรษฐกิจให้เติบโต

อย่างไรก็ตามการกำหนดนโยบายด้านภาษีของนายไบเดน อาจทำให้ค่าเงินดอลลาร์อ่อนค่าลง ซึ่งก็จะกดดันให้ค่าเงินบาทแข็งค่าขึ้นเช่นกัน แต่น่าจะชดเชยกันได้กับเศรษฐกิจโลกที่ดีขึ้นก็จะหนุนการส่งออกของไทยให้ดีขึ้นด้วย

นอกจากนี้เงินบาทที่มีแนวโน้มแข็งค่า แม้ว่าราคาน้ำมันดิบอาจจะขยับขึ้นบ้างเล็กน้อย แต่ก็ไม่น่าจะส่งผลกระทบต่อราคาขายปลีกมากนักและน่าจะเคลื่อนไหวใกล้เคียงกับปัจจุบัน

สำหรับคาดการณ์ราคาน้ำมันดิบที่ระดับ 40-50 เหรียญสหรัฐ/บาร์เรลในปีหน้า จะใช้เป็นสมมติฐานสำหรับการจัดทำงบประมาณและแผนงานของปตท.ด้วย โเยเตรียมนำแผนงานและงบลงทุน 5 ปี (ปี 64-68) เข้าสู่การพิจารณาของคณะกรรมการปตท.ในเดือนธ.ค.นี้

“รายได้ปีหน้ามีโอกาสดีขึ้น ถ้าน้ำมันเพิ่มรายได้เราก็เพิ่มขึ้น เศรษฐกิจดีขึ้นปริมาณขายก็น่าจะดีขึ้น…ถ่ราคาน้ำมันไม่เปลี่ยนมากนัก stock loss ก็จะไม่มี ปีนี้เราโดน stock loss เข้าไป ส่วนสถานการ์โรงกลั่นและปิโตรเคมีเป็นอะไรที่ต้องติดตาม ถ้าเศรษฐกิจดีขึ้นพวกนี้ดีขึ้นตาม”

นายอรรถพล กล่าว

นายอรรถพล กล่าวอีกว่า สถานการณ์ความต้องการใช้น้ำมันภาคพื้นทั้งเบนซินและดีเซลเริ่มกลับมาปกติหลังชะลอไปช่วงสถานการณ์โควิด-19 แต่น้ำมันอากาศยานยังฟื้นตัวกลับมาไม่ถึง 50% ซึ่งที่ผ่านมากลุ่มปตท.บริหารจัดการในการผลิตน้ำมันของโรงกลั่นน้ำมันทั้ง 3 แห่งให้มีประสิทธิภาพสูงสุด โดยให้บมจ.ไทยออยล์ (TOP) ผลิตน้ำมันอากาศยานเพียงรายเดียวในขณะนี้ ส่วนบมจ.พีทีที โกลบอล เคมิคอล (PTTGC) และบมจ.ไออาร์พีซี (IRPC) ไม่ได้ผลิตน้ำมันอากาศยานเลยในปัจจุบัน

ส่วนสถานการณ์ราคาก๊าซธรรมชาติเหลว (LNG) ในตลาดจร (spot) ปัจจุบันพุ่งขึ้นสูงในระดับ 7 เหรียญสหรัฐ/ล้านบีทียู ทำให้ความจำเป็นนำเข้าจากตลาด spot ลดลง และก็น่าจะลดแรงกดดันในการที่จะลดการเรียกรับก๊าซธรรมชาติจากอ่าวไทยด้วย อย่างไรก็ตามในส่วนของสูตรราคาก๊าซ Pool ซึ่งเป็นราคาก๊าซฯ ที่มาจากมาจากอ่าวไทย,เมียนมา และ LNG ตามสัญญานั้น ราคามีทิศทางที่ลดลงต่อเนื่องในช่วงไตรมาส 4/63 ถึงช่วงต้นปี 64 เนื่องจากราคาส่วนหนึ่งผูกกับราคาน้ำมันย้อนหลัง 6-24 เดือน ก็เชื่อว่าจะสะท้อนไปยังค่าไฟฟ้าที่ถูกลงด้วย

นายอรรถพล กล่าวอีกว่า ส่วนความคืบหน้าของการหาสาเหตุท่อส่งก๊าซฯระเบิดในพื้นที่จ.สมุทรปราการนั้น ปัจจุบันได้ส่งชิ้นส่วนท่อก๊าซฯและตัวอย่างดินในพื้นที่เกิดเหตุไปตรวจหาสาเหตุที่ศูนย์เทคโนโลยีโลหะและวัสดุแห่งชาติ (MTECH)ซึ่งอยู่ระหว่างรอคำตอบ

ส่วนความคืบหน้าการนำหุ้นบมจ.ปตท.น้ำมันและการค้าปลีก (OR) เข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ฯนั้น ปัจจุบันอยู่ระหว่างการสำรวจตลาดและสอบถามนักลงทุน รวมถึงรอดูสภาวะตลาดด้วย ซึ่งปัจจุบันยังไม่มีข้อสรุปในส่วนนี้ออกมา

โดย สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (09 พ.ย. 63)

Tags: , ,
Back to Top