นายจอห์น วิลเลียมส์ ประธานธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) สาขานิวยอร์กเปิดเผยว่า การปรับลดอัตราดอกเบี้ยของเฟดในปีที่ผ่านมาทำให้เศรษฐกิจสหรัฐยังคงมีแนวโน้มที่จะขยายตัวต่อไป และระบุว่า การกำหนดนโยบายอัตราดอกเบี้ยของเฟดในอนาคตจะขึ้นอยู่กับข้อมูลเศรษฐกิจ
นายวิลเลียมส์กล่าวว่า การปรับลดอัตราดอกเบี้ย 3 ครั้งของเฟดในปีที่ผ่านมาทำให้เศรษฐกิจสหรัฐขยายตัวเหนือแนวโน้ม และจากข้อมูลที่มีอยู่นั้น คาดว่า ผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (GDP) ของสหรัฐในปีนี้จะขยายตัวราว 2.25% เช่นเดียวกับในปีที่ผ่านมา ขณะที่ตลาดแรงงานจะยังคงขยายตัวแข็งแกร่ง และเงินเฟ้ออยู่ที่ราวระดับ 2%
นายวิลเลียมส์กล่าวว่า แนวโน้มพื้นฐานทางเศรษฐกิจของสหรัฐค่อนข้างดี แต่ก็ยังคงมีความไม่แน่นอนในด้านต่างๆ รวมถึงการขยายตัวของเศรษฐกิจต่างประเทศ และผลกระทบจากการระบาดของเชื้อไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่หรือโควิด-19 ในประเทศจีน
นายวิลเลียมส์กล่าวว่า ในสภาพแวดล้อมดังกล่าว เฟดต้องพึ่งพาข้อมูลเศรษฐกิจในการปรับหรือวางแผนนโยบายการเงิน โดยมีงานด้านการบริหารความเสี่ยงอีกมากที่ต้องทำ
ทั้งนี้ นายวิลเลียมส์แสดงความเห็นดังกล่าวเป็นครั้งแรกนับตั้งแต่เฟดลงมติคงอัตราดอกเบี้ยในการประชุมนโยบายช่วงปลายเดือนม.ค.ที่ผ่านมา และนายเจอโรม พาวเวล ประธานเฟดได้แถลงนโยบายการเงินกับสภาคองเกรสในสัปดาห์นี้
โดยนายพาวเวลกล่าวต่อสภาคองเกรสว่า เศรษฐกิจสหรัฐยังคงขยายตัว และตลาดแรงงานยังคงแข็งแกร่ง พร้อมทั้งยังได้ยืนยันความเห็นที่เป็นเอกฉันท์ว่า เฟดจะคงนโยบายการเงินไม่เปลี่ยนแปลงในขณะนี้ หลังจากที่ปรับลดอัตราดอกเบี้ยลง 3 ครั้งในปีที่ผ่านมา
โดย สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (14 ก.พ. 63)
Tags: Fed, ธนาคารกลางสหรัฐ, สหรัฐ, เฟด, เศรษฐกิจ