SET ปิดวันนี้ที่ระดับ 1,532.77 จุด ลดลง 7.07 จุด (-0.46%) มูลค่าการซื้อขาย 46,419.92 ล้านบาท
นักวิเคราะห์ฯเผยตลาดหุ้นไทยวันนี้รับแรงกดดันจากสถานการณ์ไวรัสโควิด-19 จากจำนวนผู้ติดเชื้อรายใหม่พุ่งหลังตรวจเข้มข้นขึ้น ส่งผลตลาดภูมิภาคย่อตัว ส่วนตลาดบ้านเราเลือกเล่นตามปัจจัยเฉพาะตัวหุ้น โดยเฉพาะกลุ่มรับเหมาฯเล่นเก็งงบปี 63 ผ่านฉลุย แต่ต่อมาสภาฯวุ่นวายเล็กน้อยจึงเกิดแรง Take profit แต่เชื่อที่สุดแล้วคงไม่ล่าช้า พรุ่งนี้ทิศทางตลาดฯขึ้นอยู่กับสถานการณ์โควิด-19 และความคืบหน้าของงบประมาณ ปี 63 ให้แนวรับ 1,525 แนวต้าน 1,543 จุด
- ตลาดหลักทรัพย์ปิดวันนี้ที่ระดับ 1,532.77 จุด ลดลง 7.07 จุด (-0.46%) มูลค่าการซื้อขาย 46,419.92 ล้านบาท
- การซื้อขายหุ้นวันนี้ ดัชนีหุ้นไทยเคลื่อนไหวในแดนลบเป็นส่วนใหญ่ โดยทำระดับสูงสุดที่ 1,542.19 จุด และทำระดับต่ำสุด 1,530.44 จุด
- ส่วนหลักทรัพย์เปลี่ยนแปลงวันนี้ เพิ่มขึ้น 600 หลักทรัพย์ ลดลง 982 หลักทรัพย์ และไม่เปลี่ยนแปลง 462 หลักทรัพย์
นายพิชัย เลิศสุพงศ์กิจ ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการฝ่ายการตลาด บล.ธนชาต กล่าวว่า ตลาดหุ้นไทยวันนี้รับแรงกดดันจากสถานการณ์ไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่ (โควิด-19) หลังจากจำนวนผู้ติดเชื้อไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่ (โควิด-19) รายใหม่เฉพาะในมณฑลหูเป่ยเพิ่มขึ้น 14,840 ราย สู่ระดับ 48,206 ราย เนื่องจากมีการปรับเปลี่ยนเกณฑ์ให้นับรวมผู้ติดเชื้อที่ได้รับการวินิจฉัยทางคลินิก (Clinically diagnosed cases) ส่งผลให้ตลาดหุ้นในภูมิภาคเอเชียปิดย่อตัวลง
สำหรับบ้านเราจะเห็นได้ว่าหุ้นในกลุ่มรับเหมาก่อสร้างผันผวนมาก โดยในช่วงเช้าบวกรับเก็งร่างพระราชบัญญัติงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2563 จะผ่านวาระ 2 และ 3 ฉลุย แต่ช่วงบ่ายเจอ Take profit หลังจากสภาฯ เกิดความวุ่นวายเล็กน้อยระหว่างการลงมติ แต่ก็ยังเชื่อว่าในที่สุดแล้วงบประมาณปี 63 คงไม่ล่าช้า มองเป็นการอาศัยจังหวะขายทำกำไรหลังจาก Bid แรงในช่วงที่ผ่านมา และหุ้น KCE เทรดคึกคักช่วงเช้าเจอ Take profit แรง แต่หลังจากผู้บริหารมีมุมมองบวกในการให้ข้อมูลนักวิเคราะห์หลักทรัพย์ก็ทำให้มีแรงดีดกลับขึ้นมา
ด้านหุ้นกลุ่มแบงก์ยังมองบวกอยู่จากที่ใกล้จะประกาศการจ่ายปันผลแล้ว และแบงก์หลายแห่งตั้งสำรองฯเพียงพอแล้ว ซึ่งแม้เศรษฐกิจโดยรวมจะไม่ดี แต่ทางแบงก์เองก็ระวังการปล่อยสินเชื่อ รวมถึง KBANK จะเริ่มโครงการซื้อหุ้นคืนในวันพรุ่งนี้
แนวโน้มการลงทุนในวันพรุ่งนี้ (14 ก.พ.) นายพิชัย กล่าวว่า ทิศทางตลาดฯยังขึ้นอยู่กับปัจจัยเดิม ซึ่งยังต้องติดตามสถานการณ์ไวรัสโควิด-19 ว่าจำนวนผู้ติดเชื้อจะค่อย ๆ ลดลงได้หรือไม่ และความคืบหน้าของงบประมาณ ปี 63 หากเป็นไปในทางที่ดีก็จะเป็นประเด็นในการหยิบมาเล่นเก็งกำไร
พร้อมให้แนวรับ 1,525 จุด ส่วนแนวต้าน 1,543 จุด
ส่วนหลักทรัพย์ที่มีมูลค่าการซื้อขายสูงสุด 5 หลักทรัพย์ ได้แก่
KCE มูลค่าการซื้อขาย 2,740.96 ล้านบาท ปิดที่ 24.70 บาท เพิ่มขึ้น 2.30 บาท
BAM มูลค่าการซื้อขาย 2,654.12 ล้านบาท ปิดที่ 32.50 บาท เพิ่มขึ้น 1.25 บาท
GPSC มูลค่าการซื้อขาย 2,188.80 ล้านบาท ปิดที่ 77.00 บาท ลดลง 1.50 บาท
PTT มูลค่าการซื้อขาย 1,332.27 ล้านบาท ปิดที่ 43.00 บาท ลดลง 0.25 บาท
AOT มูลค่าการซื้อขาย 1,280.07 ล้านบาท ปิดที่ 70.50 บาท ลดลง 0.25 บาท
โดย สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (13 ก.พ. 63)
Tags: SET, ตลาดหุ้น, ตลาดหุ้นไทย, หุ้นไทย