นางอัญชนา ตราโช รองเลขาธิการสำนักงานเศรษฐกิจการเกษตร (สศก.) กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ กล่าวว่า สถานการณ์ราคายางพาราและปาล์มน้ำมันในขณะนี้มีทิศทางดีขึ้นอย่างต่อเนื่อง ทั้งราคายางพาราท้องถิ่น ราคาประมูลตลาดกลางยางพาราการยางแห่งประเทศไทย และราคาส่งออก FOB ยังคงมีทิศทางปรับตัวเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง
โดยราคายางแผ่นรมควันชั้น 3 ณ ตลาดกลางยางพาราสงขลา ปรับตัวเพิ่มขึ้นจากกิโลกรัมละ 56.89 บาท (1 ต.ค.63) เพิ่มเป็นกิโลกรัมละ 80 บาท (30 ต.ค.63) เพิ่มขึ้นถึง 41% เนื่องจากสถานการณ์โควิด-19 และมาตรการปิดเมืองเริ่มคลี่คลาย
นอกจากนี้ ภาครัฐยังมีมาตรการแก้ไขปัญหาราคายางพาราเร่งด่วนหลายด้าน ได้แก่ มาตรการช่วยเหลือเกษตรกรชาวสวนยาง มาตรการสนับสนุนสินเชื่อดอกเบี้ยต่ำให้แก่สถาบันเกษตรกรและผู้ประกอบการ การส่งเสริมการใช้ยางภายในประเทศ รวมถึงการซื้อขายยางพาราแบบออนไลน์ ขณะที่ผู้ซื้อภายในประเทศต้องการเร่งการส่งมอบยางในช่วงที่ปริมาณผลผลิตออกสู่ตลาดน้อย ขณะเดียวกันราคาในตลาดซื้อขายล่วงหน้า ทั้งตลาดญี่ปุ่น และตลาดสิงคโปร์อยู่ในช่วงขาขึ้น มีแรงซื้ออยู่ในระดับสูง ความต้องการถุงมือยางปรับตัวเพิ่มขึ้นอย่างมากจากสถานการณ์โควิด-19 และภาคโรงงานผลิตรถยนต์และชิ้นส่วนรถยนต์เริ่มฟื้นตัว โดยเฉพาะจีนซึ่งได้รับการสนับสนุนจากรัฐบาล ส่งผลให้เศรษฐกิจของจีนมีการขยายตัว อีกทั้งได้รับปัจจัยสนับสนุนจากค่าเงินบาทอ่อนค่าลง อีกทั้งราคาน้ำมันดิบในตลาดโลกปรับตัวสูงขึ้น
ส่วนราคาปาล์มน้ำมันและน้ำมันปาล์มมีแนวโน้มเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องเช่นกัน โดยราคาปาล์มน้ำมันรับซื้อที่หน้าโรงงานในแหล่งผลิตที่สำคัญ (สุราษฎร์ธานี กระบี่ และ ชุมพร) ราคาปรับตัวเพิ่มขึ้นจากกิโลกรัมละ 4.10-5.00 บาท (1 ต.ค.63) เพิ่มเป็นกิโลกรัมละ 6.00-6.90 บาท (30 ต.ค.63) และราคาน้ำมันปาล์มดิบ ปรับตัวเพิ่มขึ้นจากกิโลกรัมละ 25.00-25.25 บาท (1 ต.ค.63) เพิ่มเป็นกิโลกรัมละ 36-37 บาท (30 ต.ค.63) เนื่องจากความต้องการใช้น้ำมันปาล์มปรับเพิ่มสูงขึ้นหลังจากสถานการณ์โควิด-19 เริ่มคลี่คลาย ประกอบกับมาตรการของรัฐที่กระตุ้นการใช้น้ำมันปาล์ม โดยการนำน้ำมันปาล์มดิบไปผลิตกระแสไฟฟ้า การส่งเสริมการใช้ไบโอดีเซล รวมทั้งการผลักดันการส่งออกน้ำมันปาล์มเพื่อลดผลผลิตส่วนเกินของผู้ประกอบการ ทำให้ปริมาณความต้องการใช้น้ำมันปาล์มเฉลี่ยเดือนละ 0.24 ล้านตัน
ขณะที่ผลผลิตปาล์มน้ำมันในช่วงไตรมาสที่ 4 (ต.ค.-ธ.ค.) ออกสู่ตลาดน้อย (19% ของผลผลิตทั้งหมด 16.36 ล้านตัน) โดยคิดเป็นน้ำมันปาล์มดิบเดือนตุลาคม 0.21 ล้านตัน พฤศจิกายน 0.18 ล้านตัน และธันวาคม 0.16 ล้านตัน ส่งผลให้ในช่วงไตรมาสที่ 4 สต็อกน้ำมันปาล์มดิบลดลงเฉลี่ยอยู่ระหว่างเดือนละ 0.03-0.08 ล้านตัน และคาดว่า ณ สิ้นปี 2563 สต็อกน้ำมันปาล์มดิบจะปรับลดลงมาอยู่ในระดับที่เหมาะสมเคลื่อนไหวอยู่ระหว่าง 0.28-0.32 ล้านตัน คาดว่า ราคาปาล์มจะพุ่งต่อเนื่องจนถึงช่วงไตรมาสที่ 1 ของปี 2564
ทั้งนี้ คาดการณ์ว่า ราคายางพารา ปาล์มน้ำมันและน้ำมันปาล์ม จะยังคงทิศทางดีขึ้นอย่างต่อเนื่อง จากปัจจัยกลไกตลาดและมาตรการของรัฐบาล โดยเฉพาะการขับเคลื่อนโมเดล “เกษตรฯ-พาณิชย์ทันสมัย”และนโยบาย”เกษตรผลิต พาณิชย์ตลาด” ที่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์และกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ได้ร่วมมือขับเคลื่อนกันมาอย่างต่อเนื่อง
โดย สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (2 พ.ย. 63)
Tags: กระทรวงเกษตรและสหกรณ์, ปาล์มน้ำมัน, ยางพารา, ราคายาง, ราคาสินค้าเกษตร, สำนักงานเศรษฐกิจการเกษตร, อัญชนา ตราโช