PF คาดรายได้รวมปีนี้ 2.2 หมื่นลบ. โต 6.3%

PF คาดรายได้รวมปีนี้ 2.2 หมื่นลบ. โต 6.3% จากธุรกิจอสังหาฯ-โรงแรม-ขายที่ดิน-การลงทุน-ธุรกิจให้เช่า

นายชายนิด อรรถญาณสกุล ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บมจ.พร็อพเพอร์ตี้ เพอร์เฟค (PF) เปิดเผยว่า บริษัทฯ ตั้งเป้าหมายรายได้รวมของกลุ่มบริษัทในปี 63 ที่ 22,000 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 6.3% จากปีก่อนที่ทำได้ 20,699 ล้านบาท โดยจะมาจาก PF จำนวน 19,000 ล้านบาท และอีก 3,000 ล้านบาท จะมาจากบมจ.แกรนด์ แอสเสท โฮเทลส์ แอนด์ พรอพเพอร์ตี้ (GRAND) ซึ่งเป็นบริษัทที่ถือหุ้นอยู่

ทั้งนี้ รายได้ดังกล่าว แบ่งเป็น ธุรกิจอสังหาริมทรัพย์เพื่อขายรวม 16,400 ล้านบาท โดยเป็นส่วนของ PF จำนวน 15,400 ล้านบาท และเป็นของ GRAND จำนวน 1,000 ล้านบาท เมื่อแยกเป็นโครงการแนวราบจาก PF จำนวน 9,000 ล้านบาท และจาก GRAND จำนวน 500 ล้านบาท

ส่วนโครงการคอนโดมิเนียม มาจาก PF จำนวน 6,400 ล้านบาท รวมโครงการ ยู คิโรโระ คอนโดมิเนียมในประเทศญี่ปุ่น และจาก GRAND จำนวน 500 ล้านบาท

ธุรกิจโรงแรม คาดปีนี้มีรายได้รวมที่ 3,300 ล้านบาท แบ่งเป็น ของ PF จำนวน 1,300 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากปีก่อนที่อยู่ที่ 1,200 ล้านบาท จากได้รับการตอบรับที่ดีของนักท่องเที่ยว และของ GRAND จำนวน 2,000 ล้านบาท ลดลงจากปีก่อนราว 22% โดยหลักได้รับผลกระทบจากการระบาดของไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่ (โควิด-19) ส่งผลให้ลูกค้าจีนหายไป และกลุ่มบริษัทมีแผนปรับปรุงโรงแรม Royal Orchid Sheraton ที่เปิดมานานกว่า 35 ปีแล้ว ทำให้รายได้หายไปบางส่วนด้วย

นอกจากนี้ยังมีรายได้จากการขายที่ดินและการลงทุนรวม 2,000 ล้านบาท และธุรกิจให้เช่า 300 ล้านบาท

“เราคาดว่าในช่วงครึ่งปีหลัง นักท่องเที่ยวจีนจะเริ่มกลับมาท่องเที่ยวนอกประเทศมากขึ้น โดยเชื่อมั่นว่ารัฐบาลจีนจะสามารถหยุดการระบาดของไวรัสโคโรนาได้ภายในเดือนมี.ค.นี้” นายชายนิด กล่าว

นายชายนิด กล่าวว่า สิ้นปี 62 มียอดขายรอโอน (Backlog) เฉพาะของ PF แล้ว 2,845 ล้านบาท คาดจะทยอยรับรู้ในปีนี้อย่างต่อเนื่อง โดย Backlog ดังกล่าว แบ่งเป็น Backlog จากโครงการคอนโดมิเนียม 1,427 ล้านบาท ซึ่งในปี 63 จะมีโครงการคอนโดมิเนียมเสร็จใหม่และพร้อมโอนกรรมสิทธิ์ จำนวน 2 โครงการ ได้แก่ ไอ คอนโด กรีนสเปซ พัฒนาการ-ศรีนครินทร์, เมโทร สกาย วุฒากาศ อีกทั้งเป็น Backlog ของโครงการแนวราบ ราว 1,118 ล้านบาท และเป็น Backlog จากโครงการคอนโดมิเนียม ยู คิโรโระ 300 ล้านบาท

อย่างไรก็ดี ปัจจุบันบริษัทมีสินค้าพร้อมโอน (สต็อก) จากโครงการคอนโดมิเนียมรวมประมาณ 6,800 ล้านบาท รองรับการรับรู้รายได้อย่างต่อเนื่องในช่วง 1-2 ปีจากนี้

ส่วนเป้าหมายยอดขายรวมในปี 63 อยู่ที่ 21,000 ล้านบาท แบ่งเป็น ยอดขายของ PF จำนวน 18,000 ล้านบาท ซึ่งจะเป็นโครงการแนวราบ 10,000 ล้านบาท โครงการร่วมทุน 1,500 ล้านบาท คอนโดมิเนียมในประเทศ 4,500 ล้านบาท และคอนโดมิเนียมประเทศญี่ปุ่น 2,000 ล้านบาท

พร้อมกันนี้ ยังมีแผนเปิดโครงการใหม่อีก 12 โครงการ มูลค่ารวม 18,560 ล้านบาท แบ่งเป็น บ้านเดี่ยว 10 โครงการ มูลค่า 17,110 ล้านบาท และทาวน์เฮ้าส์ 2 โครงการ มูลค่า 1,450 ล้านบาท โครงการเปิดตัวใหม่จะเป็นแนวราบทั้งหมด ซึ่งเป็นตลาดที่ยังเติบโต โดยไม่มีการเปิดตัวคอนโดมิเนียมโครงการใหม่ เนื่องจากปีที่ผ่านมาตลาดคอนโดมิเนียมชะลอตัว

ยอดขายของ GRAND จำนวน 3,000 ล้านบาท เป็นโครงการคอนโดมิเนียม 2,500 ล้านบาท และ โครงการวิลล่าในจังหวัดระยอง 500 ล้านบาท ซึ่งกำหนดพรีเซลส์เฟสแรกในช่วงไตรมาส 2 เป็นวิลล่าหรู 103 ยูนิต มูลค่าโครงการ 2,307 ล้านบาท กลุ่มเป้าหมายจะเป็นตลาดทั้งในและต่างประเทศ รองรับการเติบโตของระยองที่จะเกิดขึ้น

นายชายนิด กล่าวว่า บริษัทตั้งเป้าลดหนี้ในปีนี้ประมาณ 10,000 ล้านบาท จากปัจจุบันที่มีหนี้เงินกู้จากสถาบันทางการเงิน และหนี้หุ้นกู้ รวม 30,000 ล้านบาท เพื่อลดต้นทุนทางการเงินลงราว 1% และคาดอัตราหนี้สินต่อทุน (D/E) น่าจะลดลงเหลือ 1.2 เท่า จากเดิมที่อยู่ที่ 1.7 เท่า

โดยจะมาจากการขายสินทรัพย์เพื่อนำมาชำระคืนหนี้ในวงเงินดังกล่าว ได้แก่ GRAND จะขายหุ้นบมจ.โรงแรมรอยัล ออคิด (ประเทศไทย) หรือ ROH ที่ปัจจุบันถือหุ้นอยู่ 98.48% โดยให้ขายหุ้นออกราว 40% คิดเป็นมูลค่า 2,500 ล้านบาท จากมูลค่ารวมที่อยู่ที่ 6,000 ล้านบาท

การขายที่ดินที่เป็นกรรมสิทธิ์ และเช่า รวม 60 ไร่ ในทำเลรามอินทรา มูลค่า 2,500 ล้านบาท, การขายโครงการคอนโดมิเนียม Uniloft เชียงใหม่ มูลค่า 500 ล้านบาท, การขายที่ดินย่านแจ้งวัฒนะ มูลค่า 500 ล้านบาท, ที่ดินย่านรัชดา จำนวน 20 ไร่ มูลค่า 2,500 ล้านบาท, และการโอนกรรมสิทธิ์โครงการคอนโดมิเนียม Kiroro มูลค่า 1,500 ล้านบาท

สำหรับแนวโน้มผลการดำเนินงานในปี 62 บริษัทฯ สามารถทำกำไรสูงสุดสร้างสถิติใหม่ในรอบ 16 ปี เบื้องต้นประเมินรายได้รวมจะอยู่ที่ 20,699 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 9.8% จากปีก่อน โดยปริษัทจะประชุมคณะกรรมการบริษัทเพื่ออนุมัติงบปี 62 ในวันที่ 26-27 ก.พ.นี้

โดย สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (12 ก.พ. 63)

Tags: , , , , , , ,
Back to Top