บริษัทโบอิ้งเตรียมปลดพนักงานเพิ่มเติม หลังประสบภาวะขาดทุนติดต่อกัน 4 ไตรมาส เนื่องจากผลกระทบการแพร่ระบาดของโควิด-19 รวมทั้งการที่เครื่องบินรุ่น 737 MAX ยังคงถูกสั่งห้ามบิน หลังจากที่เครื่องบิน 2 ลำของรุ่นดังกล่าวได้ประสบอุบัติเหตุตกลงในปี 2561 จนทำให้มีผู้เสียชีวิตรวม 346 คน
นายเดฟ คาลฮูน ประธานเจ้าหน้าที่บริหารของบริษัทโบอิ้ง ได้เปิดเผยกับพนักงานของบริษัทว่า โบอิ้งต้องปลดพนักงานออกราว 30,000 คน เพื่อให้บริษัทมีพนักงานเหลืออยู่ประมาณ 130,000 คน จากจำนวนพนักงานกว่า 160,000 คน ภายในสิ้นปี 2564
ทั้งนี้ โบอิ้งได้เปิดให้พนักงานลาออกโดยสมัครใจ โดยการประกาศรอบล่าสุดนี้จะส่งผลให้ต้องมีพนักงานที่ถูกปลดเพิ่มเติมอีกราว 11,000 ตำแหน่ง
นอกจากนี้ นายคาลฮูนยังคาดการณ์ด้วยว่า การเดินทางทางอากาศทั่วโลกตลอดปีนี้จะเหลือเพียง 30-35% เมื่อเทียบกับระดับของปีที่แล้ว และอาจต้องใช้เวลาอีกประมาณ 3 ปีจึงสามารถกลับเข้าสู่ภาวะปกติเหมือนช่วงก่อนเกิดการแพร่ระบาดได้
นายคาฮูลเสริมว่า กฎข้อบังคับที่เข้มงวดมากยิ่งขึ้นหลังจากเกิดอุบัติเหตุกับเครื่องบินรุ่น 737 MAX จะส่งผลให้การเปิดตัวเครื่องบินโบอิ้ง 777X รุ่นใหม่ 400 ที่นั่งต้องล่าช้าออกไป
อย่างไรก็ตาม คาดว่าสำนักงานบริหารการบินแห่งชาติสหรัฐ (FAA) อาจพิจารณาทบทวนคำสั่งห้ามบินที่ได้บังคับใช้ต่อเครื่องบินโบอิ้ง 737 MAX ซึ่งหาก FAA ให้การอนุมัติต่อแผนการปรับปรุงระบบซอฟท์แวร์ และการฝึกอบรมของบริษัท ก็จะทำให้เครื่องบินรุ่นดังกล่าวสามารถกลับมาให้บริการได้ในปีหน้า
โดย สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (29 ต.ค. 63)
Tags: FAA, ปลดพนักงาน, สำนักงานบริหารการบินแห่งชาติสหรัฐ, เครื่องบิน, เดฟ คาลฮูน, แรงงาน, โบอิ้ง