แม้ว่าผู้คนส่วนใหญ่จะเริ่มมองว่าสถานการณ์การแพร่ระบาดเชื้อโควิด-19 ในไทยจะผ่อนคลายลงไปมากแต่สิ่งที่เกิดขึ้นในวันนี้คือร่องรอยความบอบช้ำต่อเศรษฐกิจไทยหลายภาคส่วน ขณะที่ไฟการเมืองดูทีท่าว่ากำลังจะลุกโชนอีกระลอก “อินโฟเควสท์” ชวนคุณผู้ชมมาหาทางออกกับ คุณจรีพร จารุกรสกุล ประธานกลุ่ม ดับบลิวเอชเอ คอร์ปอเรชั่น นักธุรกิจชั้นแนวหน้าของไทยที่มาพร้อมกับข้อเสนอแนะแนวทางฟื้นฟูเศรษฐกิจไทยหลังจากนี้และจะตรงกับที่คุณผู้ชมคิดกันไว้หรือไม่…สามารถติดรายละเอียดได้ในรายการ “Exit Strategy”
นางสาวจรีพร จารุกรสกุล ประธานคณะกรรมการ และประธานเจ้าหน้าที่บริหารกลุ่ม บมจ.ดับบลิวเอชเอ คอร์ปอเรชั่น (WHA) เปิดเผยกับ “อินโฟเควสท์” ว่า เห็นด้วยกับกรณีที่รัฐบาลใช้นโยบายอัดเงินเข้าระบบแจกเงินกับประชาชนช่วยเหลือเยียวยาและประคับประคองเศรษฐกิจ แต่การอัดเงินเข้าระบบนั้นควรต้องคำนึงถึงประสิทธิภาพด้วยว่าจะส่งผลกระทบด้านบวกต่อระบบเศรษฐกิจไทยมากน้อยอย่างไร เพราะเอกชนต้องการเห็นตัวเลขว่านโยบายการอัดเงินเข้าระบบเป็นจำนวนหลักล้านล้านบาทจะช่วยสร้างผลกระทบระยะสั้นและระยะยาวต่อเศรษฐกิจไทยอย่างไร
อยากนำเสนอหนึ่งในแนวทางกระตุ้นเศรษฐกิจไทยที่จะช่วยสร้างรายได้ให้ประเทศกลับมาเติบโตอีกครั้งคือการดึงดูดเงินลงทุนต่างชาติเข้ามาประกอบกิจการในไทย เนื่องจากช่วงเกิดวิกฤติโควิด-19 และสงครามการค้ามองว่าเป็นรอยต่อของการเคลื่อนย้ายฐานทุนออกมาจากประเทศจีนไหลเข้าสู่ประเทศใหม่ในภูมิภาคเอเชียที่มีโอกาสการเติบโตในอนาคต ทั้งนี้ หากรัฐบาลไทยยังไม่เร่งดำเนินการกระตุ้นดึงดูดกลุ่มทุนต่างชาติเข้าในไทยจะสูญเสียโอกาสที่คิดเป็นมูลค่าทางเศรษฐกิจจำนวนมากให้กับประเทศรอบบ้าน เช่น ประเทศเวียดนามที่ได้รับการตอบรับเป็นอย่างดีจากกลุ่มทุนทั่วโลก
ทั้งนี้ อยากเห็นรัฐบาลเดินหน้าแผน “Business Bubble” ปัจจุบันเอกชนนำเสนอให้รัฐบาลพิจารณาแล้ว เพราะการกักตัว 14 วันอาจทำให้กลุ่มนักลงทุนต่างชาติรายใหม่ไม่ตัดสินใจเดินทางเข้ามาในไทย เบื้องต้นควรต้องตั้งศูนย์ One Stop Service และมีสำนักงานสามารถประกอบกิจการเจรจาการค้าได้อย่างสะดวกใช้ระยะเวลา 2-3 วัน ซึ่งตามแผนการพัฒนาโครงการ EEC ก็มีโครงการรูปแบบดังกล่าวอยู่แล้ว เป็นโมเดลเพื่อให้ต่างชาติเข้ามาศึกษาและวางแผนการลงทุนก่อนหากเปิดประเทศอย่างเป็นทางการจะสร้างรายได้มหาศาลกับประเทศไทยอย่างแน่นอน
“ยกตัวอย่างกรณีรัฐบาลกระตุ้นเศรษฐกิจผ่านภาคท่องเที่ยวจำเป็นอย่างยิ่งที่ต้องเปิดประเทศ และต้องมีนักท่องเที่ยวต่างชาติจำนวนมากเพื่อสร้างรายได้เป็นหลักหมื่นล้านบาท แต่หากรัฐบาลมุ่งเป้านโยบายกระตุ้นด้วยการดึงกลุ่มทุนต่างชาติเข้ามาลงทุนในไทยจะพบว่านักลงทุนต่างชาติเพียงแค่ไม่กี่ 10 รายจะขนเงินเข้ามาลงทุนในไทยหลักหลายหมื่นล้านบาท แม้ว่าเงินที่นำมาลงทุนที่ใช้ซื้อที่ดินจะเป็นสัดส่วนไม่มาก แต่เม็ดเงินที่สะพัดและหมุนเวียนหลายๆรอบทั้งจากการลงทุนสั่งซื้อเครื่องจักร ,การจ้างงานเพิ่มขึ้นจำนวนมากจะช่วยสร้างรายได้ให้กับหลายครอบครัว”
สำหรับประเด็นการเมืองในประเทศ นางสาวจรีพร ยอมรับว่านักลงทุนต่างชาติส่วนใหญ่ก็มีความเข้าใจสถานการณ์ในระดับหนึ่ง แต่ตัวแปรที่นักลงทุนต่างชาติยังไม่ทิ้งประเทศไทยคือตั้งแต่อดีตถึงปัจจุบัน รัฐบาลของไทยไม่ได้เข้าไปลดทอนสิทธิประโยชน์ของนักลงทุนต่างชาติ นับเป็นข้อดีที่นักลงทุนต่างชาติยังเชื่อมั่นและกล้าลงทุนในไทย
“วันนี้นักลงทุนต่างชาติถามเหมือนกันว่าเมื่อไหร่ไทยจะเปิดประเทศ เรื่องการเมืองต่างชาติเข้าใจ เพราะประเทศรอบบ้านเราก็มีปัญหาการเมืองเหมือนกัน เพียงแต่ว่าอย่าเปลี่ยนแปลงนโยบายจนไปกระทบความเชื่อมั่น เช่น บางประเทศพอเปลี่ยนรัฐบาลไปยึดทรัพย์สินของต่างชาติการกระทำเช่นนี้จะกระทบกับความเชื่อมั่นอย่างรุนแรง”
โดย สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (29 ต.ค. 63)
Tags: WHA, จรีพร จารุกรสกุล, ดับบลิวเอชเอ คอร์ปอเรชั่น, หุ้นไทย, เศรษฐกิจไทย