สำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน (บีโอไอ) เปิดเผยว่า อุตสาหกรรมไฟฟ้าและอิเล็กทรอนิกส์ของไทยยังคงสามารถดึงดูดการลงทุนจากต่างชาติได้อย่างเหนียวแน่น แม้ว่าจะเผชิญกับการแพร่ระบาดของโควิด-19 รวมถึงความขัดแย้งทางการค้าระหว่างสหรัฐและจีน
ประเทศไทยมีความได้เปรียบในแง่ของจุดยุทธศาสตร์ที่อยู่ใจกลางชาติอาเซียน อีกทั้งยังมีห่วงโซ่อุปทานที่แข็งแกร่ง และทรัพยากรมนุษย์ที่มีฝีมือ ประกอบกับนโยบายด้านการลงทุนที่เอื้อประโยชน์ ส่งผลให้ประเทศไทยเป็นทำเลที่เหมาะสมสำหรับการลงทุนอุตสาหกรรมไฟฟ้าและอิเล็กทรอนิกส์ โดยบริษัท Delta Electronics of Taiwan ได้ประกาศที่จะตั้งโรงงานการผลิตในไทยเป็นที่เรียบร้อยแล้ว
ในช่วง 9 เดือนแรกของปีนี้ จำนวนบริษัททั้งในและต่างประเทศที่ยื่นขอส่งเสริมการลงทุนในภาคอุตสาหกรรมไฟฟ้าและอิเล็กทรอนิกส์ปรับตัวขึ้นสู่ระดับ 106 โครงการ เมื่อเทียบกับช่วงเดือนกันของปีก่อนหน้าที่ระดับ 94 โครงการ รวมเม็ดเงินลงทุนทั้งสิ้น 1.2 พันล้านดอลลาร์
สถาบันไฟฟ้าและอิเล็กทรอนิกส์ (EEI) เปิดเผยว่า ด้วยจำนวนบริษัทกว่า 2,500 แห่งและแรงงานฝีมือ 800,000 รายทั่วทั้งห่วงโซ่อุปทาน ส่งผลให้อุตสาหกรรมไฟฟ้าและอิเล็กทรอนิกส์เป็นภาคการผลิตที่ใหญ่ที่สุดในประเทศ อีกทั้งยังเป็นรากฐานสำคัญของนโยบายไทยแลนด์ 4.0 โดยประเทศไทยตั้งเป้าที่จะเป็นศูนย์กลางภูมิภาคในด้านอุตสาหกรรมที่มีความทันสมัย อาทิ การผลิตอุปกรณ์การแพทย์ รถยนต์ไฟฟ้า หุ่นยนต์ และระบบอัตโนมัติ โดยมีอุตสาหกรรมไฟฟ้าและอิเล็กทรอนิกส์เป็นหลักสำคัญที่จะช่วยผลักดันอุตสาหกรรมอื่น ๆ
ทั้งนี้ ในปี 2562 อุตสาหกรรมไฟฟ้าและอิเล็กทรอนิกส์มียอดส่งออกรวมทั้งสิ้น 5.65 หมื่นล้านดอลลาร์ หรือคิดเป็นสัดส่วน 24% ของยอดการส่งออกทั้งหมด
โดย สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (27 ต.ค. 63)
Tags: บีโอไอ, สำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน, อุตสาหกรรมอิเล็กทรอนิกส์, อุตสาหกรรมไฟฟ้า