พ.ต.อ.ศิริวัฒน์ ดีพอ รองโฆษกสำนักงานตำรวจแห่งชาติ กล่าวว่า ปัจจุบันมีสื่อสังคมออนไลน์สร้างสถานการณ์ให้เกิดการหวาดกลัว มีการบิดเบือน นำเข้าข้อมูลเป็นเท็จว่าหากมีการเผชิญหน้ากับเจ้าหน้าที่ เจ้าหน้าที่จะใช้อาวุธปืนและกระสุนจริงยิงใส่ผู้ชุมนุม
ซึ่ง กอร.ฉ.ไม่มีนโยบายใช้อาวุธแต่อย่างใด การปฏิบัติการของเจ้าหน้าที่จะดำเนินการภายใต้กรอบของกฎหมายอย่างเคร่งครัด ซึ่งการกระทำบิดเบือนนำเข้าข้อมูลเป็นเท็จดังกล่าวเป็นการกระทำผิดตามพระราชบัญญัติคอมพิวเตอร์ และเป็นการฝ่าฝืนข้อห้ามตามประกาศหัวหน้าผู้รับผิดชอบในการแก้ไขสถานการณ์ฉุกเฉินที่มีความร้ายแรง ฉบับที่ 4 พร้อมขอความร่วมมืออย่าส่งต่อข้อความในลักษณะดังกล่าว เพราะเป็นการสร้างความตื่นตระหนกในสังคม
“มีโพสต์ในทวิตเตอร์ว่าเดี๋ยวทหารจะสั่งให้ตำรวจหมอบลง แล้วทหารจะยิงเข้าไปหาประชาชน…อีกโพสต์หนึ่งในเฟซบุ๊คที่คนโพสต์อยู่ต่างประเทศมีความเคลื่อนไหวเรื่องความมั่นคงอยู่ตลอดและมีหมายจับ โดยบอกว่ามีคำสั่งลับจะให้สังหารหมู่ประชาชนและนักศึกษา ซึ่งเป็นข่าวปลอมหรือเฟคนิวส์ที่มีเนื้อหาค่อนข้างรุนแรง สร้างความสับสนและตื่นตระหนกต่อสังคม”
พ.ต.อ.ศิริวัฒน์ กล่าว
ด้าน พล.ต.ต.ปิยะ ต๊ะวิชัย รองผู้บัญชาการตำรวจนครบาล (รอง ผบช.น.) กล่าวว่า การดำเนินคดีกับกลุ่มผู้กระทำผิดเกี่ยวกับการชุมนุมที่ผ่านมาพบว่ามีความพยายามแจ้งข้อมูลข่าวสารอันเป็นเท็จให้ประชาชนหลงเชื่อว่ามีเจ้าหน้าที่ตำรวจหรือตำรวจตระเวณชายแดนแฝงตัวเข้าไปอยู่ในกลุ่มผู้ชุมนุมและก่อความไม่สงบวุ่นวาย ในส่วนนี้กองบัญชาการตำรวจนครบาลได้มีการแจ้งความร้องทุกข์ และวานนี้ทางสถานีตำรวจนครบาลบางนาได้ควบคุมตัวนายประวิทย์ สมรัตน์ ผู้ต้องหาที่ปรากฏในภาพมาดำเนินคดีส่งฟ้องศาลพระโขนง ซึ่งศาลได้มีคำพิพากษาตัดสินลงโทษแล้ว
นอกจากนี้ พ.ต.อ.สมยศ อุดมรักษาทรัพย์ ผู้กำกับการ สน.หลักสอง ได้แจ้งความร้องทุกข์กลุ่มผู้ชุมนุมที่ไปชุมนุมบริเวณห้างเดอะมอลล์ บางแค ขณะนี้อยู่ระหว่างการสอบสวนดำเนินคดี
โดย สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (21 ต.ค. 63)
Tags: กอร.ฉ., การเมือง, ชุมนุม, ตำรวจ, ตำรวจนครบาล, ปิยะ ต๊ะวิชัย, ม็อบ, ศิริวัฒน์ ดีพอ, สมยศ อุดมรักษาทรัพย์, สำนักงานตำรวจแห่งชาติ