นายราเมศ รัตนะเชวง โฆษกพรรคประชาธิปัตย์ (ปชป.) กล่าวว่า ด้วยความห่วงใยจากสถานการณ์ที่เกิดขึ้นภายหลังการชุมนุมเมื่อคืนที่ผ่านมา และเห็นว่ามีความจำเป็นอย่างยิ่งที่ต้องมีการพูดคุยกัน โดยทุกฝ่ายที่เกี่ยวข้อง ซึ่งควรประกอบไปด้วยตัวแทนรัฐบาล ตัวแทนพรรคการเมืองที่มีสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรในสภา ตัวแทนเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้อง และที่สำคัญคือต้องมีตัวแทนจากกลุ่มผู้ชุมนุมด้วย เพื่อนำไปสู่การพูดคุยเจรจา ทำความเข้าใจในทุกเรื่อง ซึ่งจะเป็นการหาทางออกที่ดีที่สุด อีกทั้งยังเป็นการป้องกันไม่ให้สถานการณ์บานปลายนำไปสู่ความรุนแรง ซึ่งจะไม่เป็นผลดีต่อทุกฝ่าย และเชื่อว่าไม่มีใครเห็นด้วยหากมีการใช้ความรุนแรง
ทั้งนี้ในส่วนของข้อเรียกร้องของผู้ชุมนุมนั้น จำต้องมีความชัดเจน เพื่อให้เกิดความเป็นไปได้ตามความเป็นจริง และอยู่ในกรอบของกฎหมาย ซึ่งเชื่อว่ารัฐบาลพร้อมรับฟังเสียงจากประชาชนทุกกลุ่มอยู่แล้ว ข้อเรียกร้องในทางการเมือง ข้อเรียกร้องต่อรัฐบาล ข้อเรียกร้องในการแก้ไขรัฐธรรมนูญ คือข้อเรียกร้องที่สามารถพูดคุยกันได้อยู่แล้ว ส่วนข้อเรียกร้องในเรื่องการปฏิรูปสถาบันเรื่องนี้ก็ต้องยอมรับว่าเป็นเรื่องที่กระทบต่อหลักการความถูกต้องและกระทบความรู้สึกของคนไทยทั้งประเทศ ผู้ชุมนุมก็ควรตัดเรื่องนี้ออกไป
อีกทางหนึ่งคือกลไกรัฐสภาก็สามารถขับเคลื่อนเพื่อร่วมในการหาทางออกให้กับประเทศได้ด้วย ที่สามารถเริ่มได้เลยคือ ประธานคณะกรรมาธิการสามัญทุกคณะ รวมถึงคณะกรรมาธิการวิสามัญชุดสำคัญที่เกี่ยวข้อง เช่น กมธ. วิสามัญก่อนรับหลักการเรื่องแก้รัฐธรรมนูญ ประธานวิปรัฐบาล วิปฝ่ายค้าน ก็สามารถเรียกประชุมกันนอกรอบเพื่อช่วยกันคิดหาทางออกให้กับประเทศด้วย
“ต้องการให้คิดถึงประเทศเป็นที่ตั้ง ทุกฝ่ายก็ควรลดราวาศอกลงบ้าง เพราะถ้าจะเอาแต่ชนะคะคานกัน ท้ายที่สุดประเทศเสียหายยับเยิน แล้วจะเกิดประโยชน์อะไร ขณะนี้ไม่มีทางใดดีไปกว่าการหันหน้าเข้าหากัน ไม่เผชิญหน้ากัน ทุกฝ่ายต้องตระหนักว่าเป็นประเทศของทุกคน ขอให้ร่วมกันแก้ไขปัญหา หากทุกคนคำนึงถึงประเทศเป็นที่ตั้ง ก็ต้องช่วยกันไม่ให้เกิดความเสียหายกับประเทศ แต่หากคิดเพียงเพื่อเอาชนะ ผู้ชนะยืนประกาศชัยชนะบนซากปรักหักพังของประเทศแล้วจะเกิดประโยชน์อะไร นี่คือหลักการสำคัญที่ทุกคนต้องตระหนักให้มากที่สุด” นายราเมศกล่าว
โดย สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (17 ต.ค. 63)
Tags: การเมือง, คณะราษฏร, พรรคประชาธิปัตย์, ราเมศ รัตนะเชวง, สลายการชุมนุม