นายโจ ไบเดน ผู้สมัครชิงตำแหน่งประธานาธิบดีสหรัฐจากพรรคเดโมแครตได้แสดงวิสัยทัศน์ในรูปแบบ Townhall ที่เมืองฟิลาเดลเฟีย รัฐเพนซิลวาเนียในช่วงเช้าวันนี้ตามเวลาไทย โดยนายไบเดนได้แสดงวิสัยทัศน์ในหลายประเด็น ซึ่งรวมถึงการแต่งตั้งผู้พิพากษาฎีกา การรับมือกับการระบาดของโรคโควิด-19 และประเด็นนโยบายต่างประเทศ
ประเด็นแต่งตั้งผู้พิพากษาศาลฎีกา
ผู้ดำเนินรายการถามนายไบเดนว่า เขาจะเพิ่มจำนวนผู้พิพากษาศาลฏีกาเพื่อถ่วงดุลเสียงส่วนใหญ่ของฝ่ายอนุรักษ์นิยมซึ่งจะอยู่ที่ 6 ต่อ 3 หรือไม่ หาก เอมี โคนีย์ แบร์เรตต์ ที่ได้รับการเสนอชื่อโดยปธน.ทรัมป์ได้รับการรับรองจากสภาคองเกรสให้ดำรงตำแหน่งผู้พิพากษาศาลฎีกาคนใหม่ ซึ่งในประเด็นนี้ นายไบเดนกล่าวว่า เขาจะประกาศจุดยืนในเรื่องนี้ก่อนวันเลือกตั้ง และจะขึ้นอยู่กับท่าทีของพรรครีพับลิกันว่าจะผลักดัน เอมี โคนีย์ แบร์เรตต์ ให้ดำรงตำแหน่งผู้พิพากษาศาลฏีกาก่อนวันเลือกตั้งหรือไม่
“ผมเปิดกว้างในการพิจารณาเรื่องนี้” นายไบเดนกล่าว และยังกล่าวด้วยว่า เขาไม่มีค่านิยมการแต่งตั้งผู้พิพากษาจนเต็มศาล เนื่องจากกฎหมายได้กำหนดไว้เป็นเวลานานกว่า 100 ปีแล้วว่า จำนวนผู้พิพากษาศาลฎีกาของสหรัฐจะมีเพียง 9 คนเท่านั้น
ประเด็นการรับมือกับโรคโควิด-19
นายไบเดนได้กล่าวโจมตีปธน.ทรัมป์ว่าล้มเหลวในการรับมือกับการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19
“เรามีจำนวนประชาชนมากถึง 4% ของประชากรโลก และขณะนี้เรามีผู้เสียชีวิตจากโควิด-19 มากถึง 20% ของยอดเสียชีวิตทั่วโลก เรากำลังอยู่ในสถานการณ์ที่จำนวนประชากรเสียชีวิตจากโควิด-19 ในอัตราส่วน 210 ต่อประชากร 1,000 คน แล้วท่านประธานาธิบดีกำลังทำอะไรอยู่ เขาไม่แม้แต่จะสวมหน้ากากอนามัย” นายไบเดนกล่าว
“คำพูดของประธานาธิบดีสำคัญมาก เมื่อประธานาธิบดีไม่สวมหน้ากากอนามัย และยังพูดจาเสียดสีคนอื่นๆ รวมถึงผมที่สวมหน้ากากอนามัยตลอดเวลา ก็เลยทำให้ประชาชนคิดว่า การสวมหน้ากากไม่ใช่สิ่งจำเป็น”
นายไบเดนยังได้เน้นย้ำถึงจุดยืนของเขาในเรื่องการเพิ่มมาตรการล็อกดาวน์เพื่อสกัดการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 โดยกล่าวว่า “คุณจะเปิดภาคธุรกิจหรือเปิดโรงเรียนได้ก็ต่อเมื่อ คุณให้แนวทางที่จำเป็นแก่พวกเขา และให้เงินสนับสนุนพวกเขา คุณต้องมั่นใจว่า มีการตรวจหาและติดตามผู้ติดเชื้อ และคุณต้องมั่นใจว่าประชาชนมีการเตรียมตัวที่พร้อมสำหรับการกลับไปเรียนอีกครั้ง”
ประเด็นนโยบายต่างประเทศ
เมื่อผู้ดำเนินรายการถามว่า เขาคิดว่านโยบายต่างประเทศของปธน.ทรัมป์มีความน่าเชื่อถือหรือไม่ เมื่อพิจารณาจากการที่สหรัฐเป็นคนกลางประสานความสัมพันธ์ระหว่างอิสราเอลกับสหรัฐเอมริเรตส์และบาห์เรน
นายไบเดนตอบว่า เขาชื่นชมปธน.ทรัมป์ที่ผลักดันให้ทั้ง 3 ประเทศทำข้อตกลงกันเพื่อฟื้นฟูความสัมพันธ์ทางการทูตสู่ระดับปกติ ซึ่งทำให้มีความเป็นไปได้ว่าจะทำให้ตะวันออกกลางมีเสถียรภาพมากขึ้น แต่นายไบเดนได้วิพากษ์วิจารณ์นโยบายทางการทูตในภาพรวมของปธน.ทรัมป์ โดยกล่าวว่า “ผมพบว่า สหรัฐกำลังถูกโดดเดี่ยวในเวทีโลกอย่างที่ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน ประเทศพันธบัตรกำลังโดดเดี่ยวเรา นโยบาย America First ทำให้อเมริกาถูกโดดเดี่ยว”
“เราพบว่าอิหร่านศักยภาพเพิ่มขึ้นเพียงพอที่จะสร้างระเบิดนิวเคลียร์ เกาหลีเหนือมีระเบิดนิวเคลียร์และขีปนาวุธมากขึ้น ญี่ปุ่นและเกาหลีใต้ยังขัดแย้งกัน และจีนยังคงแผ่แสนยานุภาพ … ทั้งหมดนี้ ทำให้อเมริกามีความปลอดภัยน้อยลงอย่างที่ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน”
นายไบเดนกล่าว
ทั้งนี้ การแสดงวิสัยทัศน์แบบ Townhall จัดขึ้นเพื่อทดแทนการดีเบตรอบสองที่ถูกยกเลิกโดยคณะกรรมการจัดการเลือกตั้งของสหรัฐ โดยอีเวนต์ Townhall รอบของนายไบเดนจัดขึ้นโดยสถานีโทรทัศน์เอบีซี และดำเนินรายการโดยจอร์จ สเตฟาโนโปลอส
โดย สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (16 ต.ค. 63)
Tags: เลือกตั้ง, เลือกตั้งสหรัฐ, โจ ไบเดน, โดนัลด์ ทรัมป์