ธนาคารกรุงศรีอยุธยา (BAY) ประกาศการเป็นพันธมิตรกับแบล็คร็อค หนึ่งในบริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุนที่มีขนาดสินทรัพย์ภายใต้การบริหารที่ใหญ่ที่สุดในโลก เพื่อเสริมศักยภาพบริการด้านการให้คำปรึกษา การลงทุน และการบริหารความมั่งคั่งของธนาคาร พร้อมเปิดตัวกองทุนเปิดกรุงศรีโกลบอลคอร์อโลเคชั่น (KFCORE)สำหรับลูกค้ากรุงศรีโดยเฉพาะ
นายพงษ์อนันต์ ธณัติไตร ประธานคณะเจ้าหน้าที่ด้านธุรกิจลูกค้ารายย่อยและเครือข่ายการขาย BAY เปิดเผยว่า การจับมือกับแบล็คร็อค (BlackRock) นับเป็นก้าวสำคัญที่ช่วยให้เสริมความแกร่งให้กับธุรกิจบริการให้คำปรึกษาการลงทุนและการบริหารความมั่งคั่งของธนาคาร ทำให้ธนาคารสามารถขยายฐานลูกค้าได้มากขึ้น และช่วยสร้างการเติบโตให้กับสินทรัพย์ภายใต้การบริหารจัดการ(AUM) ของธนาคารในส่วนของลูกค้ากลุ่มเวลท์ให้เติบโตได้มากขึ้นกว่าระดับปกติ จากความเชี่ยวชาญของ แบล็คร็อคที่มีการบริหารสินทรัพย์ให้กับลูกค้าเป็นจำนวนมาก และมีขนาด AUM ใหญ่มากที่สุดแห่งหนึ่งในโลก จะเข้ามาเสริมศักยภาพในการให้คำแนะนำลูกค้ากลุ่มลเวลท์ของธนาคาร และการพัฒนาผลิตภัณฑ์การลงทุนใหม่ๆที่เพิ่มทางเลือกในการลงทุนให้กับลูกค้า
โดยธนาคารตั้งเป้าภายใน 5 ปี (ปี 63-67) จะมีฐานลูกค้าเติบโตเท่าตัวเป็น 600,000 ราย จากปัจจุบันที่มีฐานลูกค้า 300,000 ราย ซึ่งกลุ่มลูกค้าเวลธ์ของธนาคารแบ่งเป็น 2 กลุ่ม ได้แก่ กรุงศรี เอ็กซ์คลูซีฟ เป็นกลุ่มลูกค้าที่มีเงินฝากและการลงทุนมากกว่า 5 ล้านบาทขึ้นไป และกรุงศรี ไพรม์ ที่มีเงินฝากและการลงทุน 1-5 ล้านบาท
การร่วมมือกับแบล็คร๊อคในครั้งนี้จะเป็นการเปิดโอกาสและมุมมองในการลงทุนในต่างประเทศให้กับลูกค้า ปลดล็อกข้อจำกัดการลงทุนที่อยู่เฉพาะในประเทศ ช่วยสร้างผลตอบแทนให้กับลูกค้าที่สูงขึ้น และทำให้ AUM ของธนาคารเติบโตขึ้นมากกว่าปกติเป็น 15% ต่อปี จากช่วงที่ผ่านมา AUM เติบโตเฉลี่ย 10% ต่อปี เนื่องจากความร่วมมือกับแบล็คร็อคทำให้บริษัทสามารถนำเสนอผลิตภัณฑ์การลงทุนในต่างประเทศให้กับลูกค้า ซึ่งเป็นการกระจายการลงทุน และให้ผลตอบแทนที่สูงขึ้นมากกว่าการลงทุนในประเทศ ทำให้ผลักดันโอกาสในการเติบโตของ AUM ได้
“การร่วมมือในครั้งนี้เป็นการเสริมศักยภาพให้กับลูกค้ากรุงศรี เอ็กซ์คลูซีฟ และกรุงศรี ไพรม์ ในการเข้าถึงโอกาสในการลงทุนใหม่ๆ ด้วยผลิตภัณฑ์การลงทุนที่พัฒนาขึ้นเฉพาะทั้งในประเทศและต่างประเทศทั่วโลก มุ่งตอบสนองความต้องการเฉพาะของลูกค้าแต่ละรายด้วยโซลูชั่นที่ครบวงจร 360 องศา เพื่อให้สามารถวางแผนปรับพอร์ตการลงทุนให้สอดคล้องกับความเปลี่ยนแปลงของสภาวะตลาดโลกในวันนี้ เพื่อสร้างผลตอบแทนและการบริหารความมั่งคั่งแบบครบวงจร บรรลุเป้าหมายทางการเงินได้อย่างเต็มประสิทธิภาพ”
นายพงษ์อนันต์ กล่าว
ผลิตภัณฑ์แรกจากความร่วมมือครั้งนี้ คือ กองทุนเปิดกรุงศรีโกลบอลคอร์อโลเคชั่น (KFCORE) ซึ่งพัฒนาขึ้นโดยเฉพาะสำหรับลูกค้ากรุงศรี ใช้กลยุทธ์การลงทุนแบบกระจายความเสี่ยงด้วยการจัดสรรสินทรัพย์ลงทุนที่หลากหลาย (Tactical Asset Allocation) เพื่อรับมือทุกสภาวะเศรษฐกิจ สามารถปรับพอร์ตอย่างรวดเร็วตามปัจจัยที่เปลี่ยนแปลง โดยกระจายการลงทุนในหุ้นและตราสารหนี้อย่างยืดหยุ่น ตามสภาวะตลาดในแต่ละช่วงเวลา ให้ผลตอบแทนที่ดีในระดับความผันผวนที่ไม่สูงนัก เหมาะสำหรับการลงทุนระยะยาวเป็นสัดส่วนหลักของพอร์ตการลงทุน(Core portfolio)
นางเดบราห์ โฮ ประธานฝ่ายธุรกิจเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ กลุ่มบริษัทแบล็คร็อค กล่าวว่า การเป็นพันธมิตรกับกรุงศรี คือก้าวสำคัญของเราในการส่งเสริมสนับสนุนนักลงทุนในประเทศไทย ซึ่งเป็นหนึ่งในตลาดที่เศรษฐกิจเติบโตรวดเร็วที่สุดในภูมิภาค การร่วมมือครั้งนี้ทำให้เราสามารถผนวกเอาศักยภาพและความรู้ลึกในตลาดประเทศไทยของกรุงศรีเพื่อให้สามารถนำความเชี่ยวชาญด้านการลงทุน เทคโนโลยี และนวัตกรรมระดับโลกมาสู่ลูกค้า เราเชื่อมั่นในศักยภาพของโอกาสทางการลงทุนทั่วโลกที่เราจะนำมาสู่นักลงทุนไทยเพื่อสร้างแหล่งรายได้ทางเลือกสำหรับผลตอบแทนและการกระจายพอร์ตการลงทุนให้หลากหลาย ภายใต้สถานการณ์ที่เปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว
ภายใต้ความร่วมมือครั้งนี้แบล็คร็อคจะให้การสนับสนุนกรุงศรีในหลายๆ ด้าน เช่น การทบทวนกลยุทธ์ของแพลตฟอร์มของกองทุนต่าง ๆที่กรุงศรีเสนอขายให้กับลูกค้า แนวทางในการกระจายการลงทุน การเสนอผลิตภัณฑ์ทางเลือก ข้อมูลเชิงลึกและบทวิเคราะห์สภาวะเศรษฐกิจมหภาค การจัดสรรเงินลงทุน และผลการดำเนินงานของการลงทุนประเภทต่างๆ การพัฒนากลยุทธ์ในการสร้างความผูกพันกับลูกค้า ตลอดจนการให้ความรู้และฝึกอบรมทีมผู้เชี่ยวชาญในด้านต่างๆ เช่น การประเมินประเภทของสินทรัพย์ การตัดสินใจเชิงมหภาค การปรับสัดส่วนการลงทุนไปตามสภาวะตลาดในแต่ละช่วงเวลา และการประเมินปัจจัยเสี่ยงต่างๆ เป็นต้น
โดย สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (15 ต.ค. 63)
Tags: BAY, BlackRock, กองทุนรวม, การลงทุน, ธนาคารกรุงศรีอยุธยา, พงษ์อนันต์ ธณัติไตร, เดบราห์ โฮ, แบล็คร็อค