แอมเนสตี้ อินเตอร์เนชั่นแนล เรียกร้องไม่ให้ทางการไทยใช้ประกาศสถานการณ์ฉุกเฉินในการละเมิดสิทธิมนุษยชนของประชาชน สืบเนื่องจากการสั่งห้ามการชุมนุมของบุคคลตั้งแต่ 5 คนขึ้นไป และห้ามการเผยแพร่ข้อมูลที่อาจทำให้เกิดความหวาดกลัว เนื่องจากคำสั่งที่คลุมเครือและรุนแรงเช่นนี้จะยิ่งนำไปสู่การจับกุม ควบคุมตัว และดำเนินคดีอย่างไม่เป็นธรรมมากขึ้น
“คาดว่าจะมีการชุมนุมอีกครั้งในวันนี้ เราจึงเรียกร้องทางการไทยให้หาทางเจรจากับผู้ชุมนุมเพื่อให้สถานการณ์เป็นไปในทางที่ดีขึ้น”
แอมเนสตี้ ฯ ระบุ
สำหรับการจับกุมผู้ชุมนุมจำนวนมากเมื่อเช้านี้ เป็นวิธีการที่ไม่ชอบธรรมเมื่อเทียบกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเมื่อวาน เพราะการชุมนุมเป็นไปโดยสงบ การดำเนินงานของรัฐเช่นนี้มีเจตนาอย่างชัดเจนเพื่อปราบปรามผู้ที่มีความเห็นต่าง ทำให้เกิดความหวาดกลัวในกลุ่มประชาชนที่เห็นด้วยกับผู้ชุมนุม จึงขอเรียกร้องให้ปล่อยตัวผู้ชุมนุมโดยสงบทั้งหมดทันทีอย่างไม่มีเงื่อนไข และผู้ชุมนุมทุกคนที่ถูกควบคุมตัวจะต้องสามารถติดต่อทนายความได้
ขณะที่การจับกุมครั้งนี้และการประกาศสถานการณ์ฉุกเฉินอย่างฉับพลันในยามวิกาล เป็นการเพิ่มมาตรการปราบปรามเสรีภาพในการแสดงออกและการชุมนุมโดยสงบของไทยครั้งล่าสุด
โดยแทนที่จะประกาศสถานการณ์ฉุกเฉินและจับกุมผู้ชุมนุมจำนวนมาก แอมเนสตี้ฯ ระบุว่า ทางการไทยควรเปลี่ยนแนวทาง โดยต้องปฏิบัติตามพันธกรณีระหว่างประเทศที่จะเคารพสิทธิของบุคคลทุกคนที่ออกมาแสดงความคิดเห็นโดยสงบ ทั้งผ่านทางโซเชียลมีเดียและการชุมนุมบนท้องถนน
โดย สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (15 ต.ค. 63)
Tags: การเมือง, ชุมนุม, ม็อบ, สถานการณ์ฉุกเฉิน, แอมเนสตี้ อินเตอร์เนชั่นแนล