QAD ออกซอฟต์แวร์ ERP เวอร์ชั่นใหม่ QAD Adaptive ERP 2020.1 หนุนธุรกิจการผลิต

QAD Inc. บริษัทผู้ให้บริการ Cloud ERP ซอฟต์แวร์สำหรับระบบบริหารจัดการ โดยเฉพาะในธุรกิจการผลิต และอุตสาหกรรม ระดับโลก ออกซอฟต์แวร์ ERP เวอร์ชั่นใหม่ในชื่อ “QAD Adaptive ERP 2020.1” ซึ่งพัฒนาจากโซลูชั่น QAD’s next generation ERP ที่มี Adaptive User Experience (UX) และ QAD Enterprise Platform ที่มีประสิทธิภาพสูง พร้อมเปิดตัวการอัปเดตโซลูชั่นส่วนอื่นๆ ในกลุ่มผลิตภัณฑ์ QAD Adaptive Applications อีกด้วย

มร.แอนทอล ชิลตัล ซีอีโอของ QAD กล่าวว่า QAD Adaptive ERP เวอร์ชั่นล่าสุด ช่วยให้ลูกค้าของ QAD สามารถปรับตัวและรับมือกับความเปลี่ยนแปลงทางธุรกิจได้อย่างรวดเร็ว พร้อมไปกับความสามารถในการสร้างสรรค์สิ่งใหม่ๆ โดยนำเทคโนโลยีที่ทันสมัยมาประยุกต์ใช้ เพื่อความได้เปรียบในการแข่งขันได้อย่างมีประสิทธิภาพ การพัฒนาครั้งนี้จะช่วยปรับปรุงประสบการณ์การใช้งานของลูกค้าช่วยให้พวกเขาสามารถเพิ่มรูปแบบการทำงานในโซลูชั่นเดิม เพิ่มประสิทธิภาพการทำงานของผู้ใช้และในการผลิตให้ดียิ่งขึ้น รวมถึงซัพพลายเชน การบริหารลูกค้าและการเงิน อีกด้วย

ปัจจุบัน ผู้ผลิตทั่วโลกที่ยังเผชิญกับการหยุดชะงักอย่างต่อเนื่องอันเนื่องมาจากปัจจัยต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นการระบาดของโควิด -19 การเปลี่ยนแปลงทางเทคโนโลยี ความต้องการของผู้บริโภคที่เปลี่ยนไป รวมทั้งกฎระเบียบใหม่ๆ จากภาครัฐ อาจทำให้ผู้ผลิตหลายรายมองหาวิธีการปรับตัว ทบทวนกลยุทธ์ และกระบวนการทางธุรกิจใหม่ๆ เพื่อให้สอดคล้องต่อการเปลี่ยนแปลงและก้าวไปสู่ความสำเร็จ ซึ่ง QAD เรียกบริษัทเหล่านี้ว่า “Adaptive Manufacturing Enterprises”หรือองค์กรที่สามารถปรับตัว และเปลี่ยนแปลงได้อย่างมีประสิทธิภาพ

โซลูชั่นของ QAD ยังช่วยให้ Adaptive Manufacturing Enterprises สามารถขับเคลื่อนองค์กรอย่างมีประสิทธิภาพ เมื่อต้องเผชิญกับการเปลี่ยนแปลง ด้วยความสามารถที่สำคัญ 5 ประการ ดังนี้

1. การจัดการองค์กรที่มีประสิทธิภาพ (Effective Enterprise Management) ช่วยให้ผู้ผลิตสามารถเชื่อมโยงงานต่างๆในองค์กรได้อย่างราบรื่น ไม่ว่าจะมีความหลากหลายของสกุลเงิน หลากหลายสาขาทั่วโลก ก็สามารถเข้าถึงข้อมูลแบบเรียลไทม์ และมีความยืดหยุ่นในการวิเคราะห์ข้อมูล

2. การผลิตแบบดิจิทัล (Digital Manufacturing) ช่วยให้ผู้ผลิตสามารถใช้ประโยชน์จากดิจิทัลและเทคโนโลยีขั้นสูง ในการวิเคราะห์และใช้ข้อมูลแบบเรียลไทม์ได้อย่างสมบูรณ์แบบ เพื่อบรรลุวัตถุประสงค์ด้านต้นทุนและคุณภาพ

3. การบริหารจัดการลูกค้าอย่างสมบูรณ์ (Complete Customer Management) ช่วยให้องค์กรมั่นใจได้ว่าลูกค้าจะได้รับประสบการณ์ที่สามารถสร้างความพึงพอใจได้อย่างดีเยี่ยม ช่วยให้องค์กรสามารถรักษาลูกค้าไว้ได้ โดยมีค่าใช้จ่ายน้อยที่สุด

4. การจัดการซัพพลายเออร์แบบบูรณาการ (Integrated Supplier Management) ช่วยสร้างมูลค่าแก่ผู้ผลิต โดยการปรับปรุงการทำงานร่วมกันของซัพพลายเออร์และการมองเห็นซัพพลายเชนทั้งระบบ เพื่อให้สามารถตอบสนองต่อการเปลี่ยนแปลงของอุปสงค์และอุปทานได้รวดเร็วขึ้น


5. การเชื่อมต่อกันของห่วงโซ่อุปทาน (Connected Supply Chain) ช่วยให้ผู้ผลิตทำงานร่วมกับพันธมิตรซัพพลายเชนได้อย่างมีประสิทธิภาพ จัดการกับความท้าทายที่เกี่ยวข้องกับซัพพลายเชนที่ซับซ้อนและเปลี่ยนแปลงตลอดเวลา

Tags: , ,
Back to Top