นายบิล เดอ บลาซิโอ นายกเทศมนตรีนครนิวยอร์กของสหรัฐ ประกาศว่าธุรกิจที่ไม่จำเป็นในพื้นที่ที่เกิดการแพร่ระบาดอย่างรุนแรงของโรคโควิด-19 ในมหานครนิวยอร์ก จะปิดทำการอย่างน้อย 14 วัน เริ่มตั้งแต่วันพฤหัสบดีที่ 8 ต.ค. เป็นต้นไป
สำนักข่าวซินหัวรายงานว่า พื้นที่ดังกล่าวอยู่ในเซาธ์บรุคลิน เซ็นทรัลควีนส์ และฟาร์ร็อกอะเวย์ ซึ่งถูกจัดเป็น “โซนแดง” ตามความรุนแรงของการระบาด โดยบลาซิโอทวีตว่ามีการสั่งปิดโรงเรียนแล้ว ส่วนการปิดธุรกิจที่ไม่จำเป็นในช่วงสองสามสัปดาห์ข้างหน้าถือเป็นมาตรการสำคัญที่จะยับยั้งการระบาดของโรค
“เรารู้ว่ามันเป็นเรื่องยาก เรารู้ว่าเรากำลังขอให้หลายครอบครัว เจ้าของธุรกิจขนาดเล็ก และชาวนิวยอร์กทุกคนในพื้นที่ดังกล่าวเสียสละครั้งใหญ่ แต่นี่เป็นการปกป้องสุขภาพของผู้คนทั้งเมือง ยิ่งเราปิดเร็วเท่าไร ปัญหาก็ยิ่งจบเร็วเท่านั้น” บลาซิโอกล่าว “ทุกคนจำเป็นต้องร่วมแรงร่วมใจกันต่อสู้กับการระบาดเป็นกลุ่มก้อนครั้งนี้”
การปิดธุรกิจที่ไม่จำเป็นครั้งนี้เกิดขึ้นหลังจากเมื่อวันอาทิตย์ (4 ต.ค.) บลาซิโอประกาศแผนการปิดธุรกิจที่ไม่จำเป็นทั้งหมดใน 9 เขตรหัสไปรษณีย์ ซึ่งตรวจพบประชากรในพื้นที่ราวร้อยละ 3 มีผลตรวจโรคโควิด-19 เป็นบวกติดต่อกัน 7 วัน
ทั้งนี้ โรงเรียนรัฐและโรงเรียนเอกชนในเขตรหัสไปรษณีย์กลุ่มข้างต้นได้ปิดการเรียนการสอนตั้งแต่วันอังคาร แม้บางโรงเรียน โดยเฉพาะโรงเรียนเอกชน แสดงการคัดค้าน
ข้อมูลจากศูนย์วิทยาศาสตร์และวิศวกรรมเชิงระบบ (CSSE) มหาวิทยาลัยจอห์นส ฮอปกินส์ ระบุว่าสหรัฐ มีผู้เสียชีวิตจากโรคโควิด-19 อยู่ที่ 211,532 ราย และผู้ป่วยที่ได้รับการยืนยันผลอยู่ที่ 7,538,550 ราย เมื่อนับถึงบ่ายวันพุธ (7 ต.ค.) ตามเวลาท้องถิ่น โดยนิวยอร์กยังคงเป็นหนึ่งในรัฐที่ได้รับผลกระทบเลวร้ายที่สุดของประเทศ
โดย สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (8 ต.ค. 63)
Tags: CSSE, จอห์นส ฮอปกินส์, นิวยอร์ก, บิล เดอ บลาซิโอ, ปิดกิจการ, ปิดธุรกิจ, ศูนย์วิทยาศาสตร์และวิศวกรรมเชิงระบบ, สหรัฐ, โควิด-19