ตลาดหุ้นเอเชียปรับตัวเพิ่มขึ้นในเช้าวันนี้ หลังจากประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ แห่งสหรัฐ กลับมาให้การสนับสนุนมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจ ซึ่งรวมถึงการอัดฉีดเงินเพื่อช่วยเหลืออุตสาหกรรมการบิน นอกจากนี้ ตลาดยังได้แรงหนุนจากรายงานการประชุมของธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ซึ่งบ่งชี้ถึงความสำคัญของการเร่งออกมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจรอบใหม่
- ดัชนี NIKKEI 225 ตลาดหุ้นญี่ปุ่นเปิดวันนี้ที่ 23,506.34 จุด เพิ่มขึ้น 83.52 จุด, +0.36%
- ดัชนี HSI ตลาดหุ้นฮ่องกงเปิดวันนี้ที่ 24,263.33 จุด เพิ่มขึ้น 20.47 จุด, +0.08%
- ดัชนี TAIEX ตลาดหุ้นไต้หวันเปิดวันนี้ที่ 12,832.54 จุด เพิ่มขึ้น 86.17 จุด, +0.68%
- ดัชนี KOSPI ตลาดหุ้นเกาหลีใต้เปิดวันนี้ที่ 2,408.49 จุด เพิ่มขึ้น 21.55 จุด, +0.90%
- ดัชนี FTSE STI ตลาดหุ้นสิงคโปร์เปิดวันนี้ที่ 2,545.42 จุด เพิ่มขึ้น 7.06 จุด, +0.28%
- ดัชนี FBMKLCI ตลาดหุ้นมาเลเซียเปิดวันนี้ที่ 1,495.52 จุด เพิ่มขึ้น 5.96 จุด, -0.4%
- ตลาดหุ้นจีนปิดทำการวันนี้ เนื่องในวันชาติ
ก่อนหน้านี้ไม่นาน ปธน.ทรัมป์ได้สั่งให้เจ้าหน้าที่ทำเนียบขาวระงับการเจรจากับพรรคเดโมแครตเกี่ยวกับการออกมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจรอบใหม่ จนกว่าจะผ่านพ้นการเลือกตั้งประธานาธิบดีในวันที่ 3 พ.ย.
อย่างไรก็ดี ปธน.ทรัมป์ได้กลับลำด้วยการทวีตข้อความอีกครั้งเมื่อวานนี้ว่า เขาจะลงนามในมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจหลายฉบับ เพื่อเยียวยาประชาชนและบางภาคธุรกิจที่ได้รับผลกระทบจากการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 พร้อมกับเรียกร้องให้สภาคองเกรสเร่งอนุมัติมาตรการต่างๆ ที่เขาจะลงนาม ซึ่งได้แก่ การแจกเช็คเงินสดให้แก่ชาวอเมริกันคนละ 1,200 ดอลลาร์ รวมทั้งการอัดฉีดวงเงิน 2.5 หมื่นล้านดอลลาร์เพื่อช่วยเหลืออุตสาหกรรมการบิน และวงเงิน 1.35 แสนล้านดอลลาร์สำหรับธุรกิจรายย่อย
นอกจากนี้ ตลาดยังได้แรงหนุนจากรายงานการประชุมเดือนก.ย.ของเฟดซึ่งบ่งชี้ว่า กรรมการเฟดมีความกังวลเกี่ยวกับความล่าช้าในการออกมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจรอบใหม่ โดยเฉพาะมาตรการให้ความช่วยเหลือคนว่างงานซึ่งได้หมดอายุลงตั้งแต่วันที่ 31 ก.ค.และยังไม่มีการต่ออายุจนถึงขณะนี้
ทั้งนี้ เฟดย้ำว่ามาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจเพื่อเยียวยาประชาชนและภาคธุรกิจที่ได้รับผลกระทบจากการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 นั้น ถือเป็นสิ่งจำเป็นต่อการพยุงเศรษฐกิจให้ฟื้นตัว และหากไม่มีการเยียวยาเพิ่มเติม ก็จะสร้างความยากลำบากให้กับประชาชน โดยเฉพาะประชาชนที่มีรายได้น้อย
โดย สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (8 ต.ค. 63)
Tags: FBMKLCI, FTSE STI, HSI, KOSPI, NIKKEI 225, TAIEX, ตลาดหุ้นเอเชีย, ธนาคารกลางสหรัฐ, เฟด, โดนัลด์ ทรัมป์