ตลาดหุ้นเอเชียปรับตัวลงในเช้าวันนี้ ตามทิศทางดัชนีดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์กที่ปิดร่วงลงเมื่อคืน หลังจากประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ แห่งสหรัฐ ได้สั่งการให้คณะบริหารของทำเนียบขาวระงับการเจรจาเกี่ยวกับการออกมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจรอบใหม่กับพรรคเดโมแครต ไปจนถึงหลังวันเลือกตั้งประธานาธิบดีในวันที่ 3 พ.ย. ซึ่งข่าวดังกล่าวถือเป็นการดับความหวังของนักลงทุนที่ต่างก็เชื่อมั่นว่า ทำเนียบขาวและพรรคเดโมแครตจะสามารถบรรลุข้อตกลงเพื่อออกมาตรการดังกล่าวในเร็วๆนี้
- ดัชนี NIKKEI 225 ตลาดหุ้นญี่ปุ่นเปิดวันนี้ที่ 23,272.45 จุด ลดลง 161.28 จุด, -0.69%
- ดัชนี HSI ตลาดหุ้นฮ่องกงเปิดวันนี้ที่ 23,999.79 จุด เพิ่มขึ้น 19.14 จุด, +0.08%
- ดัชนี TAIEX ตลาดหุ้นไต้หวันเปิดวันนี้ที่ 12,667.51 จุด ลดลง 36.72 จุด, -0.29%
- ดัชนี KOSPI ตลาดหุ้นเกาหลีใต้เปิดวันนี้ที่ 2,350.82 จุด ลดลง 15.08 จุด, -0.64%
- ดัชนี FTSE STI ตลาดหุ้นสิงคโปร์เปิดวันนี้ที่ 2,523.19 จุด ลดลง 6.07 จุด, -0.24%
- ดัชนี FBMKLCI ตลาดหุ้นมาเลเซียเปิดวันนี้ที่ 1,509.24 จุด ลดลง 0.23 จุด, -0.02%
- ตลาดหุ้นจีนปิดทำการวันนี้ เนื่องในวันชาติ
ตลาดหุ้นร่วงลงหลังจากปธน.ทรัมป์ทวีตข้อความว่า “ผมได้สั่งการให้คณะบริหารของผมระงับการเจรจาเกี่ยวกับการออกมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจรอบใหม่กับพรรคเดโมแครต ไปจนถึงหลังวันเลือกตั้ง ซึ่งเมื่อผมชนะการเลือกตั้ง เราก็จะผ่านร่างกฎหมายกระตุ้นเศรษฐกิจครั้งสำคัญ ซึ่งจะมุ่งเน้นไปที่การให้ความช่วยเหลือชาวอเมริกันที่ทำงานหนัก และภาคธุรกิจขนาดเล็ก”
การตัดสินใจของปธน.ทรัมป์ถือเป็นการดับความหวังของนักลงทุน และยังเกิดขึ้นในช่วงเวลาที่นางแนนซี เพโลซี ประธานสภาผู้แทนราษฎรสหรัฐ และนายสตีเวน มนูชิน รัฐมนตรีคลังสหรัฐ พยายามเดินหน้าเจรจาต่อรองกันเกี่ยวกับวงเงินในมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจรอบใหม่เพื่อเยียวยาประชาชนและภาคธุรกิจที่ได้รับผลกระทบจากการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 โดยพรรคเดโมแครตเสนอวงเงิน 2.2 ล้านล้านดอลลาร์ ขณะที่คณะบริหารของทำเนียบขาวเสนอวงเงิน 1.6 ล้านล้านดอลลาร์
นอกจากนี้ การตัดสินใจดังกล่าวของปธน.ทรัมป์มีขึ้นเพียงไม่กี่ชั่วโมงหลังจากที่นายเจอโรม พาวเวล ประธานธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ได้ออกมาเรียกร้องให้สภาคองเกรสเร่งออกมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจ เนื่องจากสหรัฐยังคงจำเป็นต้องใช้มาตรการทางการเงินและการคลังเพื่อกระตุ้นให้เศรษฐกิจฟื้นตัวขึ้น มิฉะนั้นส่งผลกระทบต่อภาคธุรกิจและภาคครัวเรือน
โดย สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (7 ต.ค. 63)
Tags: FBMKLCI, FTSE STI, HSI, KOSPI, NIKKEI, TAIEX, ดาวโจนส์, ตลาดหุ้นเอเชีย, ธนาคารกลางสหรัฐ, เฟด, โดนัลด์ ทรัมป์