บล.โกลเบล็ก (GLOBLEX) ประเมินทิศทางตลาดหุ้นไทยสัปดาห์นี้ยังมีความผันผวนสูง โดยคาดว่าดัชนีเคลื่อนไหวในกรอบ 1,240-1,270 จุด เนื่องจากยังขาดปัจจัยใหม่สนับสนุน นักลงทุนยังจับตาสภาผู้แทนราษฎรสหรัฐกำลังพิจารณามาตรการเยียวยาเศรษฐกิจวงเงินประมาณ 2.2 ล้านล้านดอลลาร์ ที่คาดว่าจะมีการโหวตในสัปดาห์นี้ ขณะที่ปัจจัยการเมืองในประเทศยังเป็นตัวกดดันตลาด
สำหรับปัจจัยในประเทศที่น่าจับตา อาทิ ในวันที่ 29 ก.ย. มีการประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) และธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) จะมีการรายงานภาวะเศรษฐกิจไทย นอกจากนี้ปัจจัยต่างประเทศที่น่าจับตาและมีผลต่อการลงทุนในขณะนี้ อาทิ สหรัฐเปิดเผยสต็อกสินค้าคงคลังภาคค้าส่ง ดัชนีราคาบ้าน และดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภค
ในวันที่ 30 ก.ย. เวลา 8.00 น. ดีเบตรอบแรกคู่ชิงตำแหน่งประธานาธิบดีสหรัฐ “ทรัมป์ VS ไบเดน” และสหรัฐมีการเปิดเผยตัวเลขจ้างงานภาคเอกชน ตัวเลข GDP ไตรมาส 2/63 กำไรภาคเอกชน ไตรมาส 2/63 ดัชนี PMI เขตชิคาโกเดือนก.ย. ยอดทำสัญญาขายบ้านที่รอปิดการขาย เดือนส.ค.และสต็อกน้ำมันรายสัปดาห์ และจีนเปิดเผยดัชนี PMI ภาคการผลิตและภาคบริการ
อีกทั้งวันที่ 1 ต.ค. สหภาพยุโรป (อียู) เปิดเผยดัชนี PMI ภาคการผลิตขั้นสุดท้ายและอัตราว่างงาน สหรัฐเปิดเผยจำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานรายสัปดาห์ ดัชนีราคาการใช้จ่ายเพื่อการบริโภคส่วนบุคคล (PCE) เดือนส.ค. ดัชนี PMI ภาคการผลิตขั้นสุดท้ายเดือนก.ย. ดัชนีภาคการผลิตเดือนก.ย. และการใช้จ่ายภาคการก่อสร้างเดือนส.ค.
ส่วนในประเทศ ตลาดหลักทรัพย์ฯกลับมาใช้เกณฑ์ปกติของการชอร์ตเซลและการเปลี่ยนแปลงราคาซื้อขายสูงสุดในแต่ละวัน (ซีลลิ่ง-ฟลอร์) 30% ขณะที่วันที่ 2 ต.ค. สหรัฐจะทำการเปิดเผยตัวเลขจ้างงานนอกภาคเกษตรเดือนก.ย. ยอดสั่งซื้อภาคโรงงานเดือนส.ค. และความเชื่อมั่นผู้บริโภคเดือนก.ย.
นางสาววิลาสินี บุญมาสูงทรง ผู้อำนวยการฝ่ายวิจัย บล.โกลเบล็ก กล่าวเพิ่มว่า สำหรับปัจจัยเชิงบวกในประเทศ อาทิ ศูนย์บริหารสถานการณ์โควิด-19 (ศบค.) อนุมัติเปิดประเทศรับนักท่องเที่ยวประเภทพิเศษ Special Tourist VISA (STV) โดยเปิดรับนักกีฬาและนักธุรกิจจากต่างประเทศเข้าประเทศไทยระยะยาว ซึ่งกระทรวงการท่องเที่ยวและการกีฬาคาดว่าจะช่วยสร้างรายได้จากการท่องเที่ยวราว 1.2 หมื่นล้านบาท และสำนักงานเศรษฐกิจการคลัง (สศค.) คาดว่าเศรษฐกิจในช่วงไตรมาส 3/63 จะดีขึ้นจากไตรมาส 2/63 ที่ติดลบมากถึง -12.2% เนื่องจากในเดือน ก.ค.-ส.ค.63 เห็นการฟื้นตัวอย่างชัดเจนหลังคลายมาตรการล็อกดาวน์ อีกทั้งคาดว่าจะมีการทำ Window dressing ในช่วงสิ้นงวดไตรมาสที่ 3
และปัจจัยบวกจากต่างประเทศนั้นมาจากการที่ นางแนนซี เพโลซี ประธานสภาผู้แทนราษฎรสหรัฐส่งสัญญาณว่ายังคงมีโอกาสที่จะสามารถบรรลุข้อตกลงการออกมาตรการเยียวยาเศรษฐกิจรอบใหม่ เพื่อลดผลกระทบจากการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 ยังคงต้องใช้เวลา เพื่อพิสูจน์ว่ามาตรการกระตุ้นต่างๆส่งผลเชิงบวกมากน้อยแค่ไหน
ดังนั้น ประเมินกลยุทธ์การลงทุน ทางฝ่ายวิจัย แนะนำลงทุนหุ้นที่ได้ประโยชน์จากค่าระวางเรือปรับตัวขึ้น 28%WoW หลังคลายล็อกดาวน์ ได้แก่ PSL, RCL และTTA และหุ้นที่ได้ประโยชน์จากการเปิดรับนักท่องเที่ยวประเภทพิเศษ ได้แก่ AOT, MINT, ERW, CENTEL, BH, BDMS และ SPA
ส่วนภาพรวมของการลงทุนในทองคำนั้น นายณัฐวุฒิ วงศ์เยาวรักษ์ ผู้อำนวยการฝ่ายวิจัย บล.โกลเบล็ก กล่าวว่า ทิศทางราคาทองคำปรับตัวลง 79 เหรียญสหรัฐ/ออนซ์ โดยปรับตัวสร้างจุดต่ำสุดที่ 1,848 เหรียญสหรัฐ/ออนซ์ เนื่องจากได้รับแรงกดดันจากการแข็งค่าของสกุลเงินดอลลาร์ หลังสหรัฐยังไม่ได้ข้อสรุปในการเยียวยาผลกระทบโควิด-19 รอบใหม่ในสหรัฐ เนื่องจากสภาคองเกรสและทำเนียบขาวยังคงมีความขัดแย้งกันในหลายประเด็น ขณะเดียวกันการเสียชีวิตของนางรูธ เบเดอร์ กินส์เบิร์ก ผู้พิพากษาศาลสูงสุดสหรัฐ ก็อาจส่งผลกระทบต่อกระบวนการอนุมัติมาตรการเยียวยาเศรษฐกิจครั้งนี้ด้วย
นอกจากนี้ความคืบหน้าของการผลิตวัคซีนโควิด-19 ที่มีออกมาต่อเนื่อง ทำให้คาดว่ามาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจของประเทศต่างๆ จะชะลอลง เนื่องจากต้องเตรียมเงินเพื่อสั่งซื้อวัคซีนมาให้แก่ประชาชนในประเทศ จึงคาดการณ์กรอบราคาทองคำในสัปดาห์นี้ 1,800-1,900 เหรียญสหรัฐ/ออนซ์ หรือคิดเป็นราคาทองคำไทยที่ 26,740-28,380 บาทต่อบาททองคำ โดยหากปรับตัวลงใกล้แนว 1,800 เหรียญสหรัฐ/ออนซ์ มองเป็นจังหวะซื้อสะสม
โดย สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (29 ก.ย. 63)
Tags: GLOBLEX, ณัฐวุฒิ วงศ์เยาวรักษ์, ตลาดหุ้นไทย, ทองคำ, วิลาสินี บุญมาสูงทรง, เศรษฐกิจสหรัฐ, โกลเบล็ก