นายราเมศ รัตนะเชวง โฆษกพรรคประชาธิปัตย์ (ปชป.) กล่าวถึงกรณีการเสนอญัตติให้มีการตั้งคณะกรรมาธิการวิสามัญก่อนรับหลักการนั้น พรรคประชาธิปัตย์มีจุดยืนเกี่ยวกับเรื่องดังกล่าวอย่างชัดเจนว่า พรรคฯ ไม่เห็นด้วยที่จะให้มีการตั้งคณะกรรมาธิการวิสามัญก่อนรับหลักการเหมือนที่เกิดขึ้น โดยมีการแจ้งล่วงหน้าให้พรรคฯ ได้ทราบไม่ถึงชั่วโมง และทันทีที่ทราบ นายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ หัวหน้าพรรคฯ พร้อมด้วยนายองอาจ คล้ามไพบูลย์ ประธาน ส.ส.ฯ จึงได้เรียกประชุม ส.ส.พรรคฯ เพื่อกำหนดท่าทีของพรรคฯ
ส่วนที่พรรคส่ง ส.ส.ไปเป็นคณะกรรมาธิการวิสามัญชุดนี้แม้ไม่เห็นด้วยนั้น นายราเมศ กล่าวว่า พรรคฯ มีความจำเป็นที่จะต้องตั้งบุคคลเข้าไปเป็นคณะกรรมาธิการวิสามัญชุดนี้ด้วย เพราะพรรคฯ ได้ยืนยันเรื่องการแก้ไขเพิ่มเติมรัฐธรรมนูญ ในมาตรา 256 และการตั้งสมาชิกสภาร่างรัฐธรรมนูญ (ส.ส.ร.) รวมไปถึงอีกหลายประเด็น เช่น เรื่องสิทธิ เสรีภาพ สิทธิกระบวนการยุติธรรม สิทธิชุมชน และอีกหลายมาตรา รวมถึงการตรวจสอบการทุจริต ซึ่งล้วนเป็นสิ่งที่พรรคฯ เตรียมไว้สำหรับการพูดคุยใน ส.ส.ร. ดังนั้นพรรคฯ จึงจำเป็นต้องส่ง ส.ส.เข้าร่วมในคณะกรรมาธิการวิสามัญที่ตั้งขึ้นมาก่อนรับหลักการชุดนี้ด้วย เพื่อเป็นการควบคุมในประเด็นที่พรรคฯ พยายามนำเสนอ
“ถ้าเกิดประชาธิปัตย์เราไม่ส่ง เราจะไปควบคุมประเด็นได้อย่างไร เราต้องตามกลับไปเพื่อที่จะควบคุมประเด็นว่า ประชาธิปัตย์มีจุดยืนที่ชัดเจนในการแก้ไขเพิ่มเติมรัฐธรรมนูญ มาตราที่เราได้ยื่นญัตติไปแล้ว นี่คือเหตุผลที่เราจำเป็นที่จะต้องไปดูในรายละเอียด ควบคุมให้อยู่ในหลักการของพรรคฯ ว่า เรายืนยันอย่างหนักแน่นในการที่จะแก้ไขเพิ่มเติมรัฐธรรมนูญ ดังนั้นเมื่อตั้งคณะกรรมาธิการวิสามัญฯ มีกรอบระยะเวลา 30 วัน ผมก็เรียกร้องว่า อย่าขยายกรอบระยะเวลาของคณะกรรมาธิการวิสามัญชุดดังกล่าว เพราะปิดสมัยประชุมครั้งนี้ 2 เดือน ฉะนั้นมีเวลา 2 เดือนที่จะเตรียมการให้พร้อม เมื่อเปิดสมัยประชุมมา ก็ต้องเข้าสู่โหมดวาระรับหลักการว่า จะรับหรือไม่รับในวาระที่ 1 แม้ตอนนี้จะตอบไม่ได้ว่าสมาชิกรัฐสภาจะเห็นพ้องไปในทิศทางใด แต่ผมตอบได้ในฐานะที่ผมเป็นโฆษกพรรคประชาธิปัตย์ว่าเรายืนยันเปิดรับหลักการในสมัยประชุมหน้า วาระแรกในเรื่องรับหลักการ ประชาธิปัตย์จะรับหลักการที่เราได้เสนอต่อรัฐสภา คือแก้ไขมาตรา 256 และให้มี ส.ส.ร.”
นายราเมศ กล่าว
ส่วนกรณีที่มี ส.ส.ของพรรค 2 คน เห็นด้วยกับการตั้ง กมธ.นั้น นายราเมศ กล่าวว่า ขอให้ทั้ง 2 ท่านได้ตอบคำถามนี้เองถึงเหตุผลในการเห็นด้วยกับการตั้งคณะกรรมาธิการวิสามัญชุดดังกล่าว
นายราเมศ กล่าวว่า ที่ผ่านมาพรรคประชาธิปัตย์ยืนยันมาโดยตลอดถึงหลักการในการแก้ไขเพิ่มเติมรัฐธรรมนูญ โดยเฉพาะมาตรา 256 รวมถึงการให้มีสมาชิกสภาร่างรัฐธรรมนูญ อีกทั้งยังมีการขับเคลื่อนผลักดันจนรัฐบาลได้บรรจุไว้ในนโยบายเร่งด่วน ซึ่ง ส.ส.ของพรรคฯ ก็ได้ร่วมเป็นคณะกรรมาธิการวิสามัญเพื่อศึกษาหาแนวทางในการแก้ไขเพิ่มเติมรัฐธรรมนูญในชุดที่มีนายพีระพันธุ์ สาลีรัฐวิภาค เป็นประธาน จนมีการดำเนินการแล้วเสร็จและยื่นรายงานเสนอต่อสภาผู้แทนราษฎรไปเรียบร้อยแล้ว
“พรรคฯ ไม่หวั่นไหวกับคำกล่าวหาที่ว่าประชาธิปัตย์ไม่มีจุดยืนในการแก้ไขเพิ่มเติมรัฐธรรมนูญ เพราะไม่เป็นความจริง พรรคฯต่อสู้เรื่องนี้มาโดยตลอด” นายราเมศ กล่าว
โดย สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (25 ก.ย. 63)
Tags: จุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์, พรรคประชาธิปัตย์, ราเมศ รัตนะเชวง, องอาจ คล้ามไพบูลย์, แก้ไขรัฐธรรมนูญ