ดัชนีดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดร่วงลงเมื่อคืนนี้ (18 ก.ย.) และปรับตัวลงเป็นสัปดาห์ที่ 3 ติดต่อกัน โดยถูกกดดันจากความไม่แน่นอนเกี่ยวกับมาตรการกระตุ้นด้านการคลังรอบใหม่ของรัฐบาลสหรัฐ, ความวิตกเกี่ยวกับความตึงเครียดระหว่างจีนและสหรัฐ และนักลงทุนยังคงกังวลเกี่ยวกับภาวะการฟื้นตัวทางเศรษฐกิจที่เป็นไปอย่างซบเซา
- ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดที่ 27,657.42 จุด ลดลง 244.56 จุด หรือ -0.88%,
- ดัชนี S&P500 ปิดที่ 3,319.47 จุด ลดลง 37.54 จุด หรือ -1.12% และ
- ดัชนี Nasdaq ปิดที่ 10,793.28 จุด ลดลง 116.99 จุด หรือ -1.07%
ในรอบสัปดาห์นี้ ดัชนีดาวโจนส์ปรับตัวลงไม่ถึง 0.1%, ดัชนี S&P500 ลบ 0.7% และดัชนี Nasdaq ลดลง 0.6% โดยดัชนีทั้ง 3 ตัวนี้ปรับตัวลงเป็นสัปดาห์ที่ 3 ติดต่อกันแล้ว
นับตั้งแต่ต้นเดือนก.ย.จนถึงวันศุกร์นี้ ดัชนีดาวโจนส์ ปรับตัวลง 2.72%, ดัชนี S&P500 ร่วง 5.17% และดัชนี Nasdaq ดิ่งลง 8.34%
บรรดานักลงทุนยังคงวิตก เนื่องจากไม่มีความคืบหน้าในการเจรจามาตรการกระตุ้นด้านการคลังของสหรัฐซึ่งมีความสำคัญในการสนับสนุนให้เศรษฐกิจฟื้นตัวจากผลกระทบของโรคโควิด-19 และจะช่วยให้ตลาดหุ้นสหรัฐปรับตัวขึ้นได้อย่างต่อเนื่อง
นักลงทุนยังคงเทขายหุ้นกลุ่มเทคโนโลยีออกมาเป็นวันที่ 3 ติดต่อกัน ซึ่งถ่วงดัชนี S&P500 และ Nasdaq ลงมากที่สุด โดยหุ้นแอปเปิล ร่วง 3.17%, หุ้นไมโครซอฟท์ ลดลง 1.24%, หุ้นแอมะซอนดอทคอม ร่วงลง 1.79% และหุ้นอัลฟาเบท ร่วง 2.38%
หุ้นออราเคิล ร่วงลง 0.7% หลังจากกระทรวงพาณิชย์สหรัฐแถลงในวันศุกร์ว่า ทางกระทรวงจะระงับการทำธุรกรรมใดๆ ของภาคธุรกิจสหรัฐที่เกี่ยวกับวีแชท (WeChat) และติ๊กต็อก (TikTok) ตั้งแต่วันอาทิตย์นี้
แถลงการณ์ของกระทรวงพาณิชย์ระบุว่า เริ่มตั้งแต่วันที่ 20 ก.ย. รัฐบาลสหรัฐจะบล็อกการดาวน์โหลด WeChat และTikTok ซึ่งหมายความว่า แอปเปิลและกูเกิลจะต้องลบแอป WeChat และ TikTok ออกจากแอปสโตร์
นอกจากนี้ บรรดาบริษัทสหรัฐจะไม่สามารถให้บริการโอนเงิน หรือดำเนินการชำระเงินผ่านทาง WeChat ได้อีกต่อไป
นักวิเคราะห์กล่าวว่า นักลงทุนดูเหมือนยังคงเทขายหุ้นที่เกี่ยวกับเทคโนโลยีออกมา และเข้าซื้อหุ้นกลุ่มอื่นๆ แทน โดยหุ้นกลุ่มวัสดุในดัชนี S&P500 ปรับตัวขึ้นมากที่สุดในเดือนนี้ ขณะที่กลุ่มเทคโนโลยีร่วงลงหนักที่สุด
นักลงทุนยังคงจับตาจำนวนผู้ติดเชื้อโควิด-19 ที่เพิ่มขึ้นในต่างประเทศ โดยประเทศในแถบยุโรปตั้งแต่เดนมาร์กไปจนถึงกรีซได้ประกาศมาตรการควบคุมครั้งใหม่ในวันศุกร์เพื่อสกัดกั้นการแพร่ระบาดของโรคดังกล่าวในเมืองใหญ่ และมีรายงานว่าอังกฤษกำลังพิจารณาที่จะดำเนินมาตรการล็อกดาวน์ทั่วประเทศอีกครั้ง
แต่หุ้นเทสลา พุ่งขึ้นสวนทางตลาด 4.4% หลังนักวิเคราะห์ 2 ราย ปรับเพิ่มราคาของหุ้นเทสลาก่อนเปิดงาน “Battery Day” ในสัปดาห์หน้า
ข้อมูลเศรษฐกิจสำคัญของสหรัฐที่เปิดเผยเมื่อคืนนี้ได้แก่ ผลสำรวจของมหาวิทยาลัยมิชิแกนซึ่งระบุว่า ดัชนีความเชื่อมั่นของผู้บริโภคสหรัฐดีดตัวขึ้นสู่ระดับ 78.9 ในเดือนก.ย. สูงกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ที่ระดับ 75.0 จากระดับ 74.1 ในเดือนส.ค., Conference Board เปิดเผยว่า ดัชนีชี้นำเศรษฐกิจ Leading Economic Index (LEI) ปรับตัวขึ้น 1.2% ในเดือนส.ค. หลังจากพุ่งขึ้น 2% ในเดือนก.ค.และ 3.1% ในเดือนมิ.ย. และกระทรวงพาณิชย์สหรัฐเปิดเผยว่า ตัวเลขขาดดุลบัญชีเดินสะพัดของสหรัฐพุ่งขึ้น 52.9% สู่ระดับ 1.705 แสนล้านดอลลาร์ในไตรมาส 2 ซึ่งเป็นระดับสูงสุดในรอบเกือบ 12 ปี หลังจากขาดดุล 1.115 แสนล้านดอลลาร์ในไตรมาสแรก
โดย สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (19 ก.ย. 63)
Tags: ดาวโจนส์, ตลาดหุ้น, ตลาดหุ้นนิวยอร์ก