นายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ รองนายกรัฐมนตรีและ รมว.พาณิชย์ กล่าวปาฐกถาพิเศษหัวข้อ “นโยบายรัฐบาลในการส่งเสริมการส่งออกการบริโภคภายในประเทศและการส่งเสริม SMEs” ในงานสัมมนาสมาคมการค้าประจำปี 2563 (Together is Power 2020)
ว่า กระทรวงพาณิชย์ได้ผลักดันให้มีการแก้ไข พ.ร.บ.หอการค้า ซึ่งสภาผู้แทนราษฎรจะมีการพิจารณาในสมัยประชุมหน้า กฎหมายดังกล่าวจะช่วยให้การทำธุรกิจเกิดความคล่องตัว เช่น การรับรองเอกสารบางประเภทแทนส่วนราชการ, กรณีเกิดข้อพิพาทสามารถจัดตั้งศูนย์ไกล่เกลี่ยและประนอมข้อพิพาทได้ โดยไม่ต้องใช้ระบบอนุญาโตตุลาการ หรือศาล, การยุบเลิกหอการค้าต้องใช้เสียงสนับสนุนเพิ่มขึ้นจากกึ่งหนึ่ง เป็นสามในสี่
นอกจากนี้ตนเองยังริเริ่มและผลักดันให้มี กรอ.พาณิชย์ เพื่อเพิ่มบทบาทของภาคเอกชน, การเพิ่มบทบาทของทูตพาณิชย์ให้ทำหน้าที่เหมือนเซลส์แมน, การเพิ่มบทบาทของพาณิชย์จังหวัดในการส่งเสริมการค้าการขายระหว่างจังหวัด, คอนแท็คฟาร์มมิ่ง การค้าออนไลน์ บาร์เตอร์เทรด
นายจุรินทร์ กล่าวว่า ภาคเอกชนเองถือเป็นกลไกสำคัญในการพัฒนาระบบเศรษฐกิจฐานราก ซึ่งประกอบด้วย หอการค้าจังหวัด 76 แห่ง, สมาคมการค้า 137 แห่ง และหอการค้าต่างประเทศ 35 แห่ง โดยทุกสมาคมการค้าต้องพัฒนาตัวเองให้มีความเข้มแข็ง สามารถแข่งขันในโลกที่มีการเปลี่ยนแปลงอยู่ตลอดเวลา ดังนั้น จำเป็นต้องสร้างเครือข่ายให้เกิดความเข้มแข็งเพื่อรับมือกับสถานการณ์ต่าง ๆ เหมือนขณะนี้ที่สถานการณ์การแพร่ระบาดของโควิด-19 ในประเทศเพื่อนบ้านส่งผลกระทบต่อการค้าชายแดน
โดย สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (18 ก.ย. 63)
Tags: SMEs, Together is Power 2020, การค้าชายแดน, การส่งออก, จุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์