APP เผยโควิดยังกระทบธุรกิจทั้งไทย-อินโดฯ ดิ้นปรับกลยุทธ์เพิ่มช่องออนไลน์

นายประภาส ตั้งอดุลย์รัตน์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บมจ.แอพพลิแคด (APP) เปิดเผยว่า แนวโน้มผลการดำเนินงานในช่วงครึ่งปีหลังยังคงได้รับแรงกดดันจากการแพร่ระบาดเชื้อโควิด-19 ที่ยังไม่คลี่คลายลงอย่างชัดเจน ซึ่งกระทบต่อธุรกิจของบริษัทในไทย และอินโดนีเซีย ทำให้การลงทุนของภาคเอกชนยังคงชะลอทั้งภาคการผลิตและการก่อสร้างชะลอตัว

ขณะที่งานโครงการของภาครัฐและภาคการศึกษาที่จะต้องลงทุนเกี่ยวกับเทคโนโลยีและแพลตฟอร์มยังคงต้องรอความชัดเจน ทำให้ยังไม่มีงานใหม่ออกมา ทำให้การจำหน่ายซอฟท์แวร์ ฮาร์ดแวร์ และงานบริการของบริษัทชะลอตัวลงตามไปด้วย

ส่วนธุรกิจในประเทศอินโดนีเซียถือว่าได้รับแรงกดดันค่อยข้างมาก จากจำนวนผู้ติดเชื้อโควิด-19 ในประเทศอินโดนีเซียที่ยังเพิ่มขึ้นมากต่อเนื่อง ทำให้อินโดนีเซียยังคงปิดประเทศอย่างไม่มีกำหนด กระทบต่อธุรกิจจำหน่ายซอฟท์แวร์และฮาร์ดแวร์ในอินโดนีเซียที่ต้องหยุดชะงักไปชั่วคราว ส่งผลกดดันภาพรวมในช่วงครึ่งปีหลังนี้ แม้ว่าจะมีสัดส่วนรายได้ไม่มากเพียง 6%

อย่างไรก็ตามบริษัทได้ปรับกลยุทธ์การดำเนินงานด้วยการนำเสนอโซลูชั่นจากการนำเทคโนโลยีใหม่ๆเข้ามานำเสนอ โดยการสร้างแพลตฟอร์มใหม่ขึ้นมา ได้แก่ การใช้เทคโนโลยี 3D Printing ในการทำโชว์รูมแบบ Virtual เพื่อนำเสนอสินค้ากลุ่มที่ลูกค้าต้องเข้ามาดูสินค้าจริง หรือต้องเห็นภาพที่คล้ายของจริงก่อน เช่น รถยนต์ และคอนโดมิเนียม เป็นต้น ซึ่งจะเป็นโปรดักส์ใหม่ที่จะนำเสนอกับลูกค้าให้ตรงกับความต้องการของลูกค้าแต่ละรายพร้อมกับการพัฒนา Virtual เพื่อให้ในการจัดงานอีเว้นท์ต่างๆ เพื่อให้สอดคล้องกับยุค New Normal และทำให้บริษัทมีโปรดักส์ที่หลากหลายรองรับกับความต้องการของลูกค้าในสถานการณ์นั้นๆ

นอกจากนี้ในส่วนของช่องทางการขายของบริษัทได้ปรับเข้าสู่ออนไลน์มากขึ้น จากการขายผ่านแพลตฟอร์มอีคอมเมิร์ชของบริษัทเอง คือ 8BATH.com ซึ่งเป็นเว็บไซต์อีคอมเมิร์ชจำหน่ายสินค้าเกื่ยวกับการออกแบบและก่อสร้างโดยบริษัทได้เพิ่มสินค้าเข้าไปในเว็บไซต์มากขึ้น เพื่อทำให้ลูกค้าที่สนใจสั่งซื้อผ่านท่องทางออนไลน์สะดวกในการสั่งซื้อมากขึ้นในการเปลี่ยนแปลงของ New Normal ที่เกิดขึ้น

อย่างไรก็ตามในปีนี้บริษัทมองว่าภาพรวมของผลการดำเนินงานในปี 63 ยังไม่มีความแน่นอน หลังจากโควิด-19 ยังไม่คลี่คลายลงอย่างชัดเจน และภาวะเศรษฐกิจที่ชะลออยู่ต่อเนื่อง ทำให้ลูกค้าของบริษัทยังคงระมัดระวังการลงทุนอยู่ ซึ่งอาจจะส่งผลแรงกดดันไปถึงกลางปี 64 หรือจนกว่าจะมีความชัดเจนของการรักษาโควิด-19 ออกมา และทำให้เศรษฐกิจพลิกฟื้นกลับมา แต่ภาพในระยะยาวบริษัทมองว่าจะได้รับประโยชน์จากการที่ภาคธุรกิจจะกลับมาลงทุนด้านเทคโนโลยีและใช้ระบบอัตโนมัติแทนคนมากขึ้น ทำให้จะเป็นแรงหนุนให้กับบริษัทในระยะต่อไปหลังจากโควิด-19 คลี่คลายและเศรษฐกิจกลับมาฟื้นตัว

ขณะที่ในช่วงครึ่งปีหลังบริษัทจะมีมูลค่างานในมือที่รอรับรู้รายได้เข้ามา 81 ล้านบาท ซึ่งจะทยอยรับรู้รายได้ไปอีก 3 ปี โดยที่บริษัทจะเน้นไปที่การนำเสนอโซลูชั่นใหม่ๆให้กับลูกค้าเก่าที่มีเครดิตดี เพื่อทำให้ลูกค้ายังใช้บริการ และสั่งซื้อซอฟท์แวร์ของบริษัทอย่างต่อเนื่อง เพราะสัดส่วนรายได้หลักของบริษัทในปัจจุบันมาจากงานบริการ 44% ซอฟท์แวร์ 40% และฮาร์ดแวร์ 15% ทำให้บริษัทต้องพัฒนาโซลูชั่นใหม่ออกมาตอบโจทย์ความต้องการของลูกค้า

ทั้งนี้ บริษัทยังคงตั้งเป้าขึ้นเป็นผู้นำตลาดอาเซียนในธุรกิจดิจิทัลดีไซน์ โดยการมองหาโอกาสขยายการลงทุนไปในประเทศอื่นๆในอาเซียน หลังจากขยายไปในประเทศอินโดนีเซียแล้ว แต่ปัญหาที่เกิดขึ้นจากโควิด-19 ในปัจจุบันที่ไม่สามารถเดินเข้าออกไปต่างประเทศได้ และความระมัดระวังในการลงทุนในช่วงภาวะเศรษฐกิจชะลอแผนขยายธุรก้จออกไปชั่วคราว

โดย สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (17 ก.ย. 63)

Tags: , , , , , , , ,
Back to Top