นักวิเคราะห์ฯคาดตลาดหุ้นไทยเช้านี้แกว่งไซด์เวย์ในช่วงรอผลประชุมเฟด-เล็งส่งสัญญาณเชิงบวก พร้อมเล็งกลุ่มพลังงานหนุนตลาดหลังราคาน้ำมันฟื้น ด้านตลาดภูมิภาคเช้านี้แกว่งทั้งในแดนบวก-ลบ อย่างไรก็ดีวอลุ่มเทรดโดยรวมยังไม่มาก เหตุรอดูการชุมนุมทางการเมืองในช่วงสุดสัปดาห์นี้ก่อน ดังนั้น วันนี้คงเลือกลงทุนหุ้นเป็นรายตัวตามปัจจัยเฉพาะตัว หวั่นกลุ่มท่องเที่ยวเผชิญแรงขายทำกำไรหลังตอบรับมติครม.ให้ต่างชาติเข้ามาเที่ยวแบบพิเศษไปเรียบร้อยแล้ว และให้จับตาความคืบหน้างบประมาณปี 64 พร้อมให้แนวรับ 1,280-1,270 แนวต้าน 1,292-1,298 จุด
นายถนอมศักดิ์ สหรัตน์ชัย ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการและหัวหน้าฝ่ายวิจัย บล.กรุงไทย ซีมิโก้ กล่าวว่า ตลาดหุ้นไทยเช้านี้คาดว่าจะแกว่งไซด์เวย์ออกด้านข้าง ในช่วงรอผลประชุมธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ซึ่งน่าจะส่งสัญญาณเชิงบวก โดยวันนี้เล็งหุ้นในกลุ่มพลังงานน่าจะช่วยหนุนตลาดฯได้หลังจากที่ราคาน้ำมันฟื้นตัวขึ้น พร้อมให้จับตารายงานสต็อกน้ำมันดิบของสหรัฐฯ ซึ่งมีกำหนดเปิดเผยในวันนี้
นอกจากนี้ ตลาดหุ้นในภูมิภาคเอเชียเช้านี้เคลื่อนไหวทั้งในแดนบวก-ลบ โดยตลาดหุ้นญี่ปุ่น, จีน และฟิลิปปินส์ เคลื่อนไหวในแดนลบ แต่ตลาดหุ้นไต้หวันเคลื่อนไหวในแดนบวกได้ จากการเปิดตัวสินค้าตระกูล Apple เนื่องจากไต้หวันมีสินค้าเทคโนโลยีอยู่มาก
อย่างไรก็ดีวอลุ่มเทรดตลาดโดยรวมยังไม่มาก จากที่นักลงทุนยังไม่กล้าลงทุน เพราะต้องการรอดูการชุมนุมทางการเมืองในช่วงสุดสัปดาห์นี้ก่อน ดังนั้น วันนี้คงจะเป็นลักษณะของการเลือกเล่นหุ้นเป็นรายตัวตามปัจจัยเฉพาะตัว ส่วนหุ้นในกลุ่มท่องเที่ยวได้ขึ้นตอบรับมติคณะรัฐมนตรี (ครม.) ในการเปิดให้นักลงทุนต่างชาติเข้ามาเที่ยวได้ในแบบประเภทพิเศษไปแล้ว วันนี้จีงอาจเผชิญแรงขายทำกำไรได้ พร้อมให้จับตาความคืบหน้างบประมาณปี 64
พร้อมให้แนวรับ 1,280-1,270 จุด ส่วนแนวต้าน 1,292-1,298 จุด
ประเด็นพิจารณาการลงทุน
- ตลาดหุ้นนิวยอร์กล่าสุด (15 ก.ย.) ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดที่ 27,995.60 จุด เพิ่มขึ้น 2.27 จุด (+0.01%), ดัชนี S&P500 ปิดที่ 3,401.20 จุด เพิ่มขึ้น 17.66 จุด (+0.52%), ดัชนี Nasdaq ปิดที่ 11,190.32 จุด เพิ่มขึ้น 133.67 จุด (+1.21%)
- ตลาดหุ้นเอเชียเปิดตลาดวันนี้ ดัชนี NIKKEI 225 ตลาดหุ้นญี่ปุ่น ลดลง 29.66 จุด,ดัชนี KOSPI ตลาดหุ้นเกาหลีใต้ ลดลง 0.86 จุด, ดัชนี FTSE STI ตลาดหุ้นสิงคโปร์ เพิ่มขึ้น 6.64 จุด, ดัชนี TAIEX ตลาดหุ้นไต้หวัน เพิ่มขึ้น 144.16 จุด, ดัชนี HSI ตลาดหุ้นฮ่องกง เพิ่มขึ้น 91.20 จุด
- ตลาดหุ้นไทยปิดล่าสุด (15 ก.ย.63) 1,286.18 จุด เพิ่มขึ้น 13.84 จุด (+1.09%)
- นักลงทุนต่างชาติซื้อสุทธิ 292.43 ล้านบาท เมื่อวันที่ 15 ก.ย.63
- ราคาน้ำมันดิบ WTI ส่งมอบเดือน ต.ค.ในตลาดไนเม็กซ์ปิดทำการล่าสุด (15 ก.ย.63) ปิดที่ 38.28 ดอลลาร์/บาร์เรล เพิ่มขึ้น 1.02 ดอลลาร์ หรือ 2.7%
- ค่าการกลั่นอ้างอิงตลาดสิงคโปร์ปิดล่าสุด (15 ก.ย.) อยู่ที่ 0.65 ดอลลาร์/บาร์เรล
- เงินบาทเปิด 31.19/21 แนวโน้มทรงตัว ตลาดรอประชุมเฟดคืนนี้ ให้กรอบ 31.15-31.25
- ศบศ.นัดถกเพิ่มกระตุ้นเศรษฐกิจ ส.อ.ท.ชงต่อพักหนี้ 2 ปี เพิ่มสภาพคล่อง ชี้ปีหน้าธุรกิจยังไม่ฟื้น ขอลดจ่ายดอกเบี้ย สมาคมธนาคารไทยย้ำต้องคำนึงถึงข้อดี-ข้อเสีย “คลัง” เล็งชงของบ 6 หมื่นล้านบาท ค้ำประกันสินเชื่อเอสเอ็มอี ครม.ไฟเขียววีซ่าพิเศษ ดึงต่างชาติเที่ยวไทยยาว 9 เดือน หวังรายได้ ปีละ 1.2 หมื่นล้านบาท
- ครม.อนุมัติหลักการเปิดรับนักท่องเที่ยวประเภทพิเศษ พักในประเทศไทยระยะยาวได้ 270 วัน เพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจ พร้อมไฟเขียว “เราเที่ยวด้วยกัน” ให้ข้าราชการ-รัฐวิสาหกิจ พักร้อนเพิ่มอีก 2 วัน กรมควบคุมโรค เผยไร้ผู้ติดเชื้อโควิด-19 เพิ่มจากผลการตรวจผู้สัมผัสนักเตะชาวอุซเบกิสถาน 382 คน แต่อยู่ระหว่างรอผลตรวจ 39 คน ขณะที่ ศบค.พบผู้ติดเชื้อรายใหม่ 5 ราย
- “สุพัฒนพงษ์” ยอมรับการประกาศเกณฑ์รับซื้อไฟฟ้าจากโครงการโรงไฟฟ้าชุมชนขยับออกไปเป็นเดือนต.ค.จากเดิมภายใน ก.ย.นี้ เหตุมีงานหลายด้านเข้ามาแต่ยังเดินหน้าประกาศรับซื้อภายในสิ้นปีนี้แน่นอน ยันนำร่องแค่ 100-200 เมกะวัตต์ก่อน
- สสว.พยากรณ์จีดีพีเอ็มเอสเอ็มอีปี 64 มีโอกาสโต 7.81%-8.63% ภายใต้สมมุติฐาน 3 แบบ หากโควิดคลี่คลาย-ท่องเที่ยวกลับมาปกติ-รัฐอัดฉีดเงินเข้าระบบ ชี้ตุลาคมนี้เปิดประเทศนักท่องเที่ยวต่างชาติเที่ยวไทย ดันรายได้เข้าประเทศ 1 ล้านล้านบาท
- นายยาซูยูกิ ซาวาดะ หัวหน้านักเศรษฐศาสตร์ ธนาคารพัฒนาเอเชีย (เอดีบี) เปิดเผยว่า รายงานการวิเคราะห์แนวโน้มเศรษฐกิจในภูมิภาคเอเชียฉบับล่าสุด ประจำปี 63 ประเมินว่าเศรษฐกิจประเทศเอเชียกำลังพัฒนาในปีนี้จะเติบโตเพียง 0.7% และในปี 64 จะเติบโต 6.8% ขณะที่คาดว่าเศรษฐกิจไทยปีนี้จะติดลบ 8% จากเดิมมองว่าจะติดลบ 4.8% เนื่องจากได้รับผลกระทบจากโควิด-19 โดยการฟื้นตัวของเศรษฐกิจไทยยังมีความไม่แน่นอน แม้ผ่อนคลายมาตรการควบคุมการแพร่ระบาด และกิจกรรมทางเศรษฐกิจเริ่มกลับมาฟื้นตัวแล้วก็ตาม รวมทั้งมีแรงสนับสนุนจากนโยบายการคลังและนโยบายการเงินก็ตาม
หุ้นเด่นวันนี้
- TU (ฟินันเซีย ไซรัส) “ซื้อ”เป้า 18 บาท ยังคงมุมมองเชิงบวกต่อกำไร H2/63 ที่จะฟื้นตัวโดย Q3/63 เป็นช่วง High Season ขณะที่ Red Lobster คาดขาดทุนลดลงและมองบวกต่อการเปลี่ยนผู้ถือหุ้นและผู้บริหารใหม่ ด้านราคาหุ้นกลับมายืนเหนือแนวต้าน 14 บาทได้อีกครั้ง ทางเทคนิคเป็นสัญญาณเชิงบวก คาดกำไรปกติปี 2563-2564 โตเฉลี่ยราว 10% ต่อปี ส่วน Valuation ซื้อขายที่ 2564PER เพียง 11.6 เท่าและคาดให้ Dividend Yield 4.3%
- PTTEP (กรุงศรี) “ซื้อ”เป้า IAA Consensus 96 บาท ราคาหุ้นลงมาลึก น้ำมันดิบเริ่มฟื้นเป็น Sentiment บวกกับ PTTEP โดยตรง (Oil link) แนวโน้ม Q3/63 มีโอกาสเพิ่มขึ้น qoq ไม่มีแรงกดดันจาก Stock gain /Stock loss เหมือนโรงกลั่น
- KCE (เคทีบีฯ) เป้าเชิงกลยุทธ์ 30 บาท ข้อมูลการผลิตภาคอุตสาหกรรม ของจีน-สหรัฐฯ-ยุโรป เพิ่มขึ้นต่อเนื่อง ส่งผลให้การค้าระหว่างประเทศเริ่มทยอยกลับเข้ามา ลูกค้าทยอยสั่ง order สินค้า หลังเริ่มกลับมาผลิตอีกครั้ง โดยเฉพาะฝั่งยุโรป ลูกค้าหลักของ KCE แผ่น PCB ของ KCE เป็นวัตถุดิบขั้นพื้นฐานของการผลิตสินค้าอีเล็คทรอนิกส์ด้วย ด้านผู้บริหารเห็นการฟื้นตัวของ order และคาดว่าจะกลับมาสู่ระดับปกติในเดือน ต.ค.63 ซึ่งมาเร็วกว่าที่คาดไว้ว่าจะเห็นการฟื้นตัวแบบค่อยเป็นค่อยไป
โดย สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (16 ก.ย. 63)
Tags: KCE, PTTEP, SET, SET Index, TU, กรุงศรี, กรุงไทย ซีมิโก้, ตลาดหุ้น, ถนอมศักดิ์ สหรัตน์ชัย, ฟินันเซีย ไซรัส, หุ้นไทย, เคทีบี