นายวสันต์ อิทธิโรจนกุล กรรมการผู้จัดการ บมจ.ไพโอเนียร์ มอเตอร์ (PIMO) กล่าวว่า บริษัทอยู่ระหว่างเตรียมความพร้อมวางแผนลงทุนในช่วงปี 64-65 ซึ่งจะใช้เงินลงทุนมากกว่าปีนี้ที่ใช้เงินไป 26 ล้านบาท โดยคาดว่าจะสรุปแผนลงทุนดังกล่าวได้ภายในเดือน ต.ค.นี้
เบื้องต้นจะเป็นการขยายกำลังการผลิตมอเตอร์ประเภทความเร็วปรับรอบได้ variable speed motor (DC) และมอเตอร์ความเร็ว 1 รอบ single speed motor (AC) ซึ่งปัจจุบันมีอัตราการใช้กำลังการผลิต (Utilization) เต็ม 100% แล้ว รวมทั้งอาจจะมีการซื้อที่เดินเพิ่มเติมเพื่อรองรับการขยายโรงงานผลิต เนื่องจากบริษัทมีแผนจะพัฒนาสินค้าใหม่ ๆ เพื่อหนีการแข่งขันในตลาดสินค้าเดิมที่มีเพิ่มขึ้น
“อัตราการใช้กำลังการผลิตเป็น 100% แล้วค่อนข้างเต็ม ถึงจุดถึงจุดที่เราต้องลงทุนเพิ่มในหลายสายการผลิตที่เป็นคอขวด คงจะต้องขยายเพิ่มเติมในปีหน้า”
นายวสันต์ กล่าว
สำหรับการลงทุนในปีนี้บริษัทได้จัดซื้อเครื่องจักรประเภท Automation และอุปกรณ์เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการผลิตสินค้า, โปรแกรมคอมพิวเตอร์ ERP ทดแทนของเดิม เพื่อรองรับการบริหารงานให้มีประสิทธิภาพมากขึ้น นอกจากนี้ ยังมีโครงการลงทุนเครื่องจักรเพื่อผลิตสินค้ารุ่นใหม่ที่พร้อมจะจัดจำหน่ายในปีหน้า ได้แก่ ผลิตภัณฑ์เครื่องสูบน้ำหอยโข่ง ซึ่งได้ลงทุนและพัฒนามอเตอร์กำลัง 1, 1.5 และ 2.8 แรงม้า เพื่อส่งออกตลาดออสเตรเลีย ยุโรป สหรัฐและแคนาดา
แต่ส่วนแผนการนำเข้ามอเตอร์ภาคอุตสาหกรรมขนาด 5-20 แรงม้ามาจัดจำหน่ายในประเทศไทยคงไม่ทันภายในปีนี้ เพราะติดสถานการณ์โควิด-19 จึงจะต้องเลื่อนไปเป็นปีหน้า
พร้อมกันนั้น ยังมีการลงทุนผลิตมอเตอร์สำหรับเครื่องปรับอากาศ (BLDC HVAC MOTOR) ซึ่งอยู่ขั้นตอนการวิจัยและพัฒนา คาดว่าโครงการนี้น่าจะสรุปผลวิจัยประมาณปีหน้า แต่การขายยังไม่ได้กำหนดเวลาไว้ รวมทั้งยังมีแผนขยายกำลังการผลิตมอเตอร์ปั้มน้ำใช้ในบ้านให้กับลูกค้าในประเทศ ซึ่งลูกค้าแจ้งมาให้บริษัทผลิตป้อนให้กับโครงการขยายกำลังการผลิตในปีนี้ และมีการขยายกำลังการผลิตมอเตอร์พัดลมป้อนให้กับลูกค้าในต่างประเทศที่จะผลิตและส่งออกไปปีหน้า
ส่วนมอเตอร์ที่ใช้กับรถเมล์ไฟฟ้า (EV) นายวสันต์กล่าวว่า บริษัทมีความสามารถผลิตมอเตอร์ BLDC ได้ แต่เห็นว่าความต้องการใช้ยังมีปริมาณน้อยและพึ่งพิงลูกค้ารายเดียว ขณะที่การลงทุนต้องใช้เงินมากกว่า 100 ล้านบาท หากไม่มีลูกค้ามากเพียงพอจะทำให้การลงทุนมีความเสี่ยงมากเกินไป ดังนั้น บริษัทก็จะติดตามนโยบายรัฐบางต่อไป และรอตัวเลขความต้องการให้นิ่งกว่านี้ก่อน
ขณะที่ผลประกอบการในปี 64 คาดว่าเติบโตดีกว่าปีนี้ และในงวดครึ่งหลังปี 63 คาดว่าจะรักษาอัตรากำไรขั้นต้นได้ใกล้เคียงครึ่งปีแรกที่อยู่ในระดับ 19.9% ซึ่งสูงกว่างวดเดียวกันของปีก่อนที่อยู่ในระดับ 15.3% นอกจากนี้ได้รับรายงานจากตลาดสหรัฐว่าความต้องการมอเตอร์สำหรับสระว่ายน้ำและปั๊มน้ำที่ใช้ในบ้านเพิ่มขึ้นอย่างมีนัยสำคัญ หรือเติบโตมากกว่า 10%
นายวสันต์ กล่าวอีกว่า แผนการร่วมทุนเพิ่มผลิตปั๊มน้ำกับบริษัทในสหรัฐขณะนี้ยังไม่มีความคืบหน้าจนกว่าสถานการณ์โควิดจะดีขึ้น และสามารถเดินทางไปสหรัฐได้ แต่เชื่อว่ามีความเป็นไปได้สูง เพียงแค่รอเงื่อนไขเจรจาเพิ่มเติม
อนึ่ง บริษัทคาดว่าในปี 64 จะมีรายได้ 800 ล้านบาท หรือโต 15% จากปีนี้ซึ่งเดิมคาดว่าจะมีรายได้ 800 ล้านบาท แต่คาดว่าจะเติบโต 10% จากปีก่อนที่มีรายได้ 663.78 ล้านบาท จากงวด 6 เดือนแรกปี 63 มีรายได้ 339.56 ล้านบาท จาก 325.39 ล้านบาทงวด 6 เดือนแรกของปี 62
โดย สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (15 ก.ย. 63)
Tags: PIMO, มอเตอร์, วสันต์ อิทธิโรจนกุล, หุ้นไทย, ไพโอเนียร์ มอเตอร์