นายอิทธิพร บุญประคอง ประธานกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) ยืนยันพร้อมจัดการเลือกตั้งทุกระดับ โดยได้จัดเตรียมความพร้อมไว้ทุกเรื่อง ทั้งบุคลากร การกำหนดเขตเลือกตั้ง กฎระเบียบต่างๆ และงบประมาณจำนวน 800 ล้านบาท แต่อยู่ระหว่างรอมติคณะรัฐมนตรี (ครม.) ว่าจะกำหนดให้มีการเลือกตั้งที่ไหน
“รอว่าเมื่อไหร่ ครม.จะเคาะให้เลือก…ในภาพรวมถือว่า กกต.มีความพร้อม ทั้งคน ทั้งเงินมีอยู่แล้ว ไม่มีปัญหา”
นายอิทธิพร กล่าว
ประธาน กกต.กล่าวว่า เนื่องจากกฎหมายกำหนดให้ ครม.เป็นผู้กำหนดการเลือกตั้ง โดย กกต.ประสานกับกระทรวงมหาดไทยตลอดเวลา แต่ยังไม่มีการแจ้งอย่างเป็นทางการ
ส่วนความพร้อมในการแก้ไขรัฐธรรมนูญนั้น ครม.ได้อนุมัติกฎหมายการทำประชามติแล้ว อยู่ระหว่างคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจสอบความถูกต้อง และเสนอเข้าสู่การพิจารณาของรัฐสภา
ประธาน กกต.ยังกล่าวถึงการตรวจสอบสถานะของนายเทพไท เสนพงษ์ ส.ส. พรรคประชาธิปัตย์ ที่ถูกศาลพิพากษาจำคุกว่า เมื่อวันที่ 3 ก.ย. ได้ส่งเรื่องให้ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยสถานภาพ เพื่อให้เกิดบรรทัดฐานที่ชัดเจน
นายแสวง บุญมี ประธานกรรมการสื่อสารองค์กร สำนักงาน กกต. กล่าวในงานเสวนา”มุมมองการเลือกตั้งท้องถิ่นกับภารกิจ กกต.”ว่า ขณะนี้ กกต.มีการเตรียมความพร้อมเพื่อรองรับการเลือกตั้งแล้ว โดยในสถานการณ์การแพร่ระบาดโควิด-19 จะใช้โมเดลจากการเลือกตั้งซ่อมที่ จ.ลำปาง และ จ.สมุทรปราการ พร้อมระบุว่า การดูแลการเลือกตั้งเป็นหน้าที่ของทุกคน ไม่ใช่หน้าที่ของ กกต.เท่านั้น ซึ่ง กกต.จะดูแลการเลือกตั้งไปตามกฎกติกา ส่วนการประกาศผลเลือกตั้งล่าช้า เพราะกฎหมายกำหนดให้ต้องรู้ผลไม่ต่ำกว่า 95% จึงจะประกาศได้ ซึ่งคะแนนไม่ได้แตกต่างไปจากที่แต่ละหน่วยประกาศหลังปิดหีบ
“ระบบการเลือกตั้งของไทยถือว่าแข็งแกร่งที่สุดในโลกแล้ว สามารถตรวจสอบได้ตลอดเวลา”
นายแสวง กล่าว
นายวุฒิสาร ตันไชย เลขาธิการสถาบันพระปกเกล้า คาดว่า การเลือกตั้งท้องถิ่นจะมีการแข่งขันรุนแรงเพราะร้างลาจากการเลือกตั้งมานาน โดยถึงเวลาแล้วที่จะมีการเลือกตั้งท้องถิ่นเพื่อคืนอำนาจให้กับประชาชน หลังจากผู้ที่รักษาการขณะนี้อยู่ในตำแหน่งมานานถึง 6 ปี ซึ่งนานกว่าวาระการดำรงตำแหน่งปกติที่กำหนดไว้เพียง 4 ปี ขณะที่องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นเป็นรากฐานการเมืองที่สำคัญของประเทศ มีงบประมาณที่จะใช้บริหารงานมากถึง 8.4 แสนล้านบาท
“การเลือกตั้งท้องถิ่นเป็นโอกาสสำคัญของประชาชนในพื้นที่ที่จะกำหนดอนาคตของตัวเอง” นายวุฒิสาร กล่าว
สำหรับคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) มีสิ่งที่ควรทำเพื่อลดภาระ ได้แก่ 1.ทยอยให้ความรู้เกี่ยวกับข้อกฎหมายใหม่ๆ กับประชาชนอย่างต่อเนื่อง 2.อย่าไปตั้งเงื่อนไขที่ทำให้เกิดความขัดแย้ง และ 3.ต้องมีความพร้อมที่จะตอบสนองการร้องเรียนอย่างถูกต้องและรวดเร็ว ซึ่ง กกต.สามารถดำเนินการเชิงรุกได้ทันที โดยไม่ต้องรอว่าจะมีการเลือกตั้งเมื่อไหร่ และขอให้นำเสนอด้วยภาษาง่ายๆ
ด้านนายมงคล บางประภา นายกสมาคมนักข่าวนักหนังสือพิมพ์แห่งประเทศไทย กล่าวว่า กกต.ควรใช้บทเรียนจากวิกฤตโควิด-19 โดยทำงานเชิงรุก ด้วยการให้ข้อมูลที่ถูกต้องกับสังคมอย่างต่อเนื่อง อย่าปิดกั้นตัวเองจนมากเกินไป
สิ่งที่อยากฝากถึง กกต.คือ ความเป็นธรรมในการหาเสียงเลือกตั้งกรณีการใช้สื่อโซเชียล ซึ่งผู้ที่มีพรรคการเมืองหนุนหลังจะมีความได้เปรียบ และอยากให้ กกต.ใช้สื่อโซเชียลให้เกิดประโยชน์ ด้วยการชี้แจงข้อมูลซึ่งจะได้รับการบันทึกไว้เป็นหลักฐาน เพื่อป้องกันการถูกหยิบยกมาเป็นประเด็นโจมตีอีกในอนาคต
โดย สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (11 ก.ย. 63)
Tags: กกต., ครม., มงคล บางประภา, อิทธิพร บุญประคอง, เทพไท เสนพงษ์, เลือกตั้ง, เลือกตั้งท้องถิ่น, แก้ไขรัฐธรรมนูญ, แสวง บุญมี